ศาลอาญา ลงโทษจำคุก2เดือน ‘อั๋ว จุฑาทิพย์’ ป่วนหน้าศาล แต่ให้รอลงอาญา ส่วนเพื่อนอีก4ราย ต้องโทษกักขัง 40วัน-2เดือน

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2564 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาล ที่ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ตั้งเรื่องกล่าวหา นายศุภกิจ บุญมหิทานนท์, นายวีรภาพ วงษ์สมาน, นายพัชรวัฒน์ โกมลประเสริฐกุล, น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ หรือ อั๋ว แนวร่วมกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ รีเด็ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-5 ในความผิดฐานประพฤติตนไม่เรียบร้อยภายในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค. 2564 กลุ่มเยาวชนปลดแอด หรือ รีเด็ม ประกาศเชิญชวนมวลชนให้ไปทำกิจกรรม จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปศาลอาญา โดยนัดหมายเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เวลา 15.00 น. ถึงศาลอาญาเวลา 16.55 น. ซึ่งมีมวลชนประมาณ 300 – 350 คน เมื่อมาถึงผู้ชุมนุมใช้เครื่องขยายเสียงเปิดเสียงมีข้อความที่บันทึกไว้ก่อนแล้ว ด่าทอ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาอย่างต่อเนื่อง

และมีการนำสิ่งของ เช่น มะเขือเทศ ไข่ไก่ และของเหลวสีแดง มาแจก แล้วชักชวนผู้ร่วมชุมนุมขว้างปาสิ่งของดังกล่าวใส่ป้าย ศาลอาญาและบริเวณพื้นในบริเวณศาลอาญา ทำให้ป้ายศาลอาญาและบริเวณพื้นในศาลอาญาสกปรกเปรอะเปื้อน ได้รับความเสียหาย

ช่วงเวลาประมาณ 17.35 น. พ.ต.ท.ศักดิ์ชัย ไกรวีระเดชาชัย รองผกก.สน.พหลโยชิน ประกาศคำสั่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมยังคงขว้างปาสิ่งของอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาเวลาประมาณ 17.40 น. พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.พหลโยธิน ประกาศให้ผู้ชุมนุมหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่กลับไม่หยุด จนกระทั่งเวลา 18.36 น. แกนนำผู้ชุมนุมประกาศให้ผู้ชุมนุมเลิกกิจกรรมและยุติการชุมนุม

ผู้ชุมนุมจึงทยอยออกจากพื้นที่บริเวณหน้าศาลอาญา แต่มีผู้ชุมนุมบางส่วนยังรวมกลุ่มกันที่บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 32 และขว้างปาประทัด ยิงพลุไฟ และยิงหนังสติ๊กใส่เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน

ภายหลังตำรวจชุดสืบสวนสืบสวนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-5 ร่วมกระทำการอันไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณและรอบบริเวณศาลอาญา โดยนำสิ่งของประกอบด้วย มะเขือเทศ ไข่ไก่ ขวดน้ำบรรจุของเหลวสีแดง ขว้างปาข้ามรั้วเข้าไปในบริเวณศาลอาญา โดยสิ่งของดังกล่าวตกหล่นบนพื้นบริเวณลานจอดรถด้านในศาลอาญา ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวสกปรก และมีกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณพื้นที่หน้าศาลอาญา

การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-5 เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอาญาและกระทำการฝ่าฝืนข้อกำหนดของศาลอาญา ว่าด้วยการรักษาความสงบเรียบร้อยในบริเวณศาล พ.ศ.2564 ฉบับลงวันที่ 17 มี.ค. 2564 ผู้ถูกกล่าวหา ที่ 1-5 ให้การปฏิเสธ

โดยวันนี้ นายศุภกิจ ผุ้ถูกกล่าวหาที่ 1 , น.ส.จุฑาทิพย์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 กับพวกรวม 5 คน เดินทางมาฟังคำสั่งศาลพร้อมกับเพื่อนประมาณ 3-4 รายที่มาให้กำลังใจ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่า ข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-5 ฟังไม่ขึ้น จึงมีคำสั่งว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งห้ามีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30, 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

ขณะกระทำความผิดผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 อายุ 19 ปีเศษ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2และ 3 อายุ 18 ปีเศษ เห็นควรลดโทษให้1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 คงจำคุกคนละ 2 เดือน และให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และที่ 5 คนละ 3 เดือน ปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จำนวน 480 บาท

ผู้ถูกกล่าวหาทั้งห้านำสืบรับข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์ แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 1-3 คนละ 40 วัน คงจำคุกผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 และ 5 คนละ2 เดือน ปรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จำนวน 320 บาท

พิเคราะห์พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งคดีแล้วเห็นว่า ขณะเกิดเหตุผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ร่วมกระทำผิดเฉพาะในส่วนการเข้าไปช่วยยกสิ่งของที่มีผู้นำมาให้ผู้ร่วมชุมนุมใช้ขว้างปา และช่วยคนสีในถังเป็นช่วงเวลาสั้น โดยทางไต่สวนไม่พอฟังว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เป็นแกนนำจัดให้มีการชุมนุม ทั้งไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าขณะร่วมชุมนุม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 กระทำการใดอันเป็นการก่อความวุ่นวายอื่นอีก และไม่ปรากฎว่าเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน

เพื่อให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 กลับตนเป็นพลเมืองดี จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนดเวลา 1 ปี และให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง

สำหรับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1,2,3 และ 5 มีพฤติการณ์เข้าร่วมชุมนุมโดยใช้ความรุนแรงอันเป็นการไม่นำพาต่อความสงบเรียบร้อยในสังคม จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ แต่เพื่อมิให้มีประวัติต้องโทษจำคุก จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกของผู้ถูกกล่าวหาที่ 1,2,3 และ 5 เป็นโทษกักขัง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 23 โดยให้กักขังผู้ถูกกล่าวหาที่ 1,2,3 มีกำหนด 40 วัน และกักขังผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีกำหนด 2 เดือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน