บริษัทแจงแล้ว! ช็อกรับรปภ.หื่นเข้าทำงาน เผยก่อนหน้าทำตัวดีไม่มีปัญหา-โทษบริษัทไม่ได้

บริษัทแจงแล้ว! ช็อกรับรปภ.หื่นเข้าทำงาน เผยก่อนหน้าทำตัวดีไม่มีปัญหา-โทษบริษัทไม่ได้ ชี้แจงปมไม่อนุญาตให้ญาติ-จนท.ขึ้นไปบนคอนโด

จากคดีนายมนตรี ใหญ่กระโทก หัวหน้ารปภ. ที่ก่อเหตุข่มขืนลูกบ้านสาวอายุ 36 ปี ภายในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ย่านบางแค ในพื้นที่สน.เพชรเกษม เมื่อกลางดึกวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงนิติบุคคลคอนโดและบริษัทรปภ.ที่รับเข้าทำงาน เพราะเมื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลังพบเจอก่อคดีลักษณะดังกล่าวกับเยาวชน ที่จ.สระแก้ว เมื่อปี 2556 ด้วย

สำหรับความคืบหน้า เมื่อวันที่ 5 ม.ค.65 ตัวแทนบริษัท รปภ.กล่าวว่า ตอนนี้บริษัทติดต่อไปยังผู้เสียหาย เพื่อเยียวยาตามความเหมาะสม โดยพูดคุยกันแล้วเบื้องต้น แต่เขายังเสียใจอยู่ จึงยังพูดคุยอะไรมากไม่ได้ ส่วนเรื่องการตรวจสอบประวัติต่างๆ ของรปภ.ในบริษัทนั้น เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่ จะต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากตำรวจ รวมถึงใบอนุญาต รปภ.7 ที่เป็นใบอนุญาตการทำงานของรปภ. โดยตอนที่นายมนตรีมาสมัครงานก็นำมาด้วย แต่หลังเกิดเหตุนี้ขึ้น ยอมรับว่าช็อกและเสียใจ ยืนยันบริษัทไม่นิ่งนอนใจแน่นอน

“ขอฝากถึงเรื่องความไว้วางใจต่อบริษัท ซึ่งเล็งเห็นว่าบุคคลที่ส่งไปทำงานนั้น เราได้ตรวจสอบแล้ว แต่บางครั้งเกิดจากการที่เขาเป็นอยู่แล้ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมของเขาเอง จะโทษบริษัทก็ไม่ได้ จากที่ทราบเขาเป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่รับรู้เลยว่าจะมีพฤติกรรมแบบนี้ สามารถอยู่กับเพื่อนร่วมงานได้ดี ไม่มีปัญหากับใคร เขาสามารถทำงานได้ตลอด จึงสามารถขึ้นเป็นหัวหน้ารปภ.ได้ โดยส่งมาทำที่นี่ ไม่เคยมีปัญหาตลอด”

ตัวแทนบริษัท กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่รปภ.ป้อมหน้า ไม่อนุญาตให้ญาติผู้เสียหายขึ้นตึกนั้น หากบอกว่าเราไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ใช่ เพราะการที่บุคคลภายนอกเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือใครที่จะเข้ามายามวิกาล รปภ.ป้อมหน้า ต้องประสานหัวหน้าชุดยามและช่าง โดยการจะขึ้นอาคารต้องใช้คียการ์ดตามมาตรฐาน อีกทั้งรปภ.ของเราก็โดนตบ ซึ่งตอนนั้นเขาต้องประสานนายมนตรี ซึ่งเป็นหัวหน้าชุด และยังไม่มีใครทราบว่าเขาเป็นคนก่อเหตุเอง ไม่ใช่ว่ารปภ.ของเราไม่ให้ความร่วมมือ

“ปกติแล้ว รปภ.สามารถพกไฟฉาย กระบองและกุญแจมือได้ในเขตครอบคลุม ส่วนมีดหรือของมีคมนั้นไม่ได้ กรณีที่นายมนตรีพกไปนั้นคงเป็นของส่วนตัว ซึ่งเราก็มีกฎห้ามอยู่แล้ว หากทีมสายตรวจเข้ามาพบ จะมีบทลงโทษรวมถึงการพักงาน โดยตอนนี้กำลังประสานตำรวจเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อตามหาตัวคนร้ายอยู่”