รองผบ.ตร.ลองเอง ทำทีมเดินข้ามทางม้าลาย จุดเดียวหมอกระต่าย ลั่นเป็นตร.ต้องอดทน พร้อมวางมาตรการแก้ไขปัญหา อะไรที่ผิดพลาดก็ต้องยอมรับและแก้ไข

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ม.ค.65 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) พร้อมพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ร่วมกับสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ลงสำรวจพื้นที่ทางม้าลายตั้งแต่บริเวณแยกพญาไท ไปจนถึงหน้าสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท เพื่อรวบรวมข้อมูลในการสร้างความปลอดภัยทางถนนและการบังคับใช้กฎหมาย หลังเกิดอุบัติเหตุตำรวจควบคุมฝูงชนขี่บิ๊กไบก์ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย จนเสียชีวิต

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ร่วมกับหลายหน่วยงานเพื่อหาจุดอ่อนในบริเวณนี้ว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ตอนนี้ยังไม่ฟันธงว่าจะทำอะไรก่อน แต่ขอให้ กทม.กับตำรวจนครบาล ได้หารือกัน ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสองครั้ง คือในวันพรุ่งนี้ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ของคณะกรรมการนโยบายการป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนน โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และในวันที่ 28 ม.ค.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเป็นการประชุมระหว่าง กทม. กระทรวงคมนาคม และหน่วยเกี่ยวข้องเพื่อหารือการวางมาตรฐานการดูแลทางม้าลายทั่วประเทศให้เกิดความปลอดภัยในระยะยาว รวมถึงการบังคับใช้กฎหมาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับกรุงเทพฯ จะมีการติดตั้งเครื่องหมายสัญญาณไฟทางม้าลาย รวมถึงกล้องตรวจจับ ส่วนที่ต่างจังหวัด จะเป็นหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมกับท้องถิ่น พร้อมจะประเมินว่า ถ้าจุดไหนไม่มีมาตรฐานต้องปรับปรุงอย่างไร จุดไหนไม่เหมาะสมหรือมีความเสี่ยงมากก็จะยกเลิกหรือปรับย้ายทางม้าลายออกไป แต่ก็ต้องสอบถามกับโรงพยาบาลสถาบันไตฯ ในฐานะผู้ใช้ว่ามีความเห็นอย่างไรบ้าง โดยจะเชิญไปร่วมประชุมด้วย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบว่าไม่มีสัญญาณไฟเตือนทางม้าลาย เนื่องจากอยู่ใกล้แยกพญาไท เมื่อมีรถเลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเร่งความเร็ว ทำให้รถที่อยู่เลนขวาสุด อาจถูกรถทางซ้ายทั้งสองเลนบังจนไม่เห็นคนข้าม ยอมรับว่าจากการที่เดินข้ามทางม้าลายด้วยตัวเองก็มีความกังวล เพราะมีข่าวออกมา ก็ยิ่งกังวลเป็นธรรมดา ยิ่งได้มาลงพื้นที่เองก็จะทำให้ดีที่สุด

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า สำหรับสัญญาณไฟจราจรที่แยกรัชโยธินแสดงสัญญาณไฟเขียวคนข้ามพร้อมกับการเดินรถนั้น ก็จะต้องปรับปรุงในภาพรวม ซึ่งมาตรการป้องกันในเบื้องต้น เช่น การติดตั้งป้ายกำหนดความเร็วก่อนถึงทางม้าลายไม่ให้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หรือป้ายชะลอความเร็ว รวมถึงการเพิ่มไฟส่องสว่างให้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำเคสหมอกระต่ายเป็นบทเรียนในการพัฒนาทางม้าลายให้ดียิ่งขึ้น

“ผบ.ตร.กำชับกำลังพลมาตลอดว่าหากทำอะไรผิดจะโดนกระแสสังคมโจมตีหนักเป็นสองเท่า จึงได้กำชับให้ตำรวจนครบาลทำคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการยกเว้น และตอนนี้กำลังพิสูจน์ความเร็วของรถว่าเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หากทราบแล้วจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการใช้ความเร็ว ทั้งนี้ ยอมรับว่าการบังคับใช้กฎหมายมีจุดอ่อนเมื่อเกิดเหตุขึ้นก็ต้องเอาบทเรียนมาใช้ในการแก้ไขให้ดีที่สุด” รอง ผบ.ตร.กล่าว

รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา มีนโยบายการแก้ไขปัญหาจราจรมาตั้งแต่ปี 2562 โดยสั่งเพิ่มอัตราโทษในการฝ่าฝืนเครื่องหมายจราจร จากปรับไม่เกิน 1,000 บาทเป็นไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งกฎหมายอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสภา คาดว่าจะมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่เกินเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งนอกจากการเพิ่มอัตราโทษแล้ว จะมีการตัดคะแนนจราจรเพิ่มสูงขึ้น

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวถึงกรณีมีการแชร์ข้อความในไลน์กลุ่มแจ้งข่าวตำรวจนครบาลในลักษณะที่ตำรวจน้อยใจ เนื่องจากสังคมไม่วิจารณ์กรณีเสี่ยเบนซ์ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตแล้วไปบวชนั้น มองว่าการที่ผู้กระทำผิดสำนึกผิดเป็นเรื่องดี เพราะขี่รถ โดยประมาทไม่มีเจตนา ซึ่งจากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ ขี่มาจากทางแยกด้วยความเร็วและโดนรถบังทางซ้าย ซึ่งเมื่อเกิดเหตุเจ้าตัวก็เสียใจต้องการจะไถ่โทษให้กับผู้เสียชีวิต แม้ว่าไม่สามารถทำให้หมอกระต่ายฟื้นกลับมาได้ ก็ถือเป็นการแสดงออกให้สังคมเห็นว่าสำนึกผิด

“จริงๆ ตำรวจก็ถูกต่อว่ามาตลอดหลายเรื่อง เป็นตำรวจก็ต้องอดทนต่อความเจ็บใจและเข้าใจว่าประชาชนคาดหวังกับตำรวจสูง อะไรที่ผิดพลาดก็ต้องยอมรับและแก้ไข เพราะกำลังพลตำรวจมีถึง 200,000 นาย คงไม่สามารถจะทำให้เรียบร้อยได้ทุกเรื่อง หากมีตำรวจไม่ดีก็จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย”

เมื่อถามว่าการโอนรถลอยผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งในกรณี ส.ต.ต.นรวิชญ์ และประชาชนทั่วไป พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า จะต้องตรวจสอบประวัติว่ามีเจตนาที่จะไม่จดทะเบียนหรือไม่ประกอบกับข้อกฎหมาย และจะต้องหารือในที่ประชุมทั้งสองนัดว่าจะปรับแนวทางหรือการทำงานและการบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เช่น พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ร.บ.ขนส่งทางบก พ.ร.บ.จราจร ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อย่างไร โดยบางข้อได้แก้ไขไปแล้ว แต่ในบางเรื่องก็ต้องมาช่วยบูรณาการร่วมกันซึ่งเชื่อว่ากรณีนี้จะทำให้การทำงานระหว่างหน่วยต่างๆ ดียิ่งขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน