จิตแพทย์ห่วงกระแสข่าว “แตงโม นิดา” ปลุกเร้าอารมณ์เชิงลบได้ง่าย ให้ระวังก้าวล่วงความเป็นส่วนตัว การแทรกแซงการดำเนินคดี หวั่นซ้ำเติมบาดแผลจิตใจผู้สูญเสีย

เมื่อวันที่ 2 มี.ค.65 พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีการเสพข่าวและการนำเสนอข่าวการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” ดาราสาวที่ตกเรือสปีดโบ้ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยาเสียชีวิต ว่า สังคมไทยเป็นสังคมที่เห็นอกเห็นใจกัน การจากไปของคนมีชื่อเสียงและเป็นที่รัก ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะรู้สึกสะเทือนใจ

ท่ามกลางการส่งกำลังใจ อาจจะมีบางเหตุการณ์ที่ชวนให้เกิดความไม่สบายใจหรือความสงสัยในบางบุคคล ซึ่งกลไกตรงนี้อาจเป็นประเด็นให้การสูญเสียหรือการจากไปเกิดการค้นหาข้อมูล ซึ่งในยุคที่ทุกคนสามารถเป็นสื่อได้ด้วยตัวเองจากอินเทอร์เน็ต โซเชี่ยลมีเดีย กลายเป็นกระแสที่ทำให้ทั้งสังคมรับรู้ทั้งจากสื่อกระแสหลักและสื่อที่ว่ากันเองโดยประชาชน ทำให้เกิดความสับสนได้มาก การตั้งข้อสงสัยการมองกันในเชิงลบเป็นอารมณ์ที่ปลุกเร้ากันได้ง่าย

พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า การรับสื่อเช่นนี้วนไปเรื่อยๆ และก้าวล่วงความเป็นส่วนตัว โดยไม่ได้คาดถึงผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องเป็นประเด็นที่ต้องระวัง อีกเรื่องคือการเสพข่าวหมุนวนเรื่องเดิมๆ อาจทำให้เกิดอารมณ์ทางลบ เช่น อารมณ์โกรธซ้อนไปบนความโศกเศร้า ยิ่งซ้ำเติมบาดแผลในใจของญาติผู้สูญเสีย ทุกครั้งที่มีข่าว หรือเห็นการพูดถึงเหตุการณ์นี้จะทำให้ผู้สูญเสียที่เจ็บปวดจะยิ่งจมอยู่กับความทุกข์มากขึ้น รบกวนกระบวนการเยียวยาจิตใจตามธรรมชาติ

“เมื่อสังคมปลุกเร้ากันเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีโอกาสแทรกแซงกระบวนการต่างๆ ในการดำเนินคดี และถึงขั้นด่วนตัดสินคนบางคนจากสิ่งที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้คนนั้นตายทั้งเป็นได้ เป็นสิ่งที่สังคมพึงระวัง ควรแสดงความเข้าใจต่อการสูญเสีย แต่ไม่ควรด่วนตัดสิน หรือขยายความสูญเสีย” พญ.อัมพรกล่าว

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเสพข่าวหรือดราม่าพอประมาณ หากรู้ตัวว่าเริ่มเสพมากจนมีผล ให้ดูแค่วันละ 1-2 ครั้ง ตามเรื่องจากคนรอบข้างโดยไม่ต้องตามอ่านทุกข่าว

สำหรับสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เสพดราม่าจนเริ่มมีผลกระทบต่อตัวเอง อาการอย่างเบา คือ กินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ คิดวนเวียนแต่กับเรื่องนี้ มีการเรียนรู้และเลียนแบบ เห็นคนอินก็อินตาม เห็นคนตามข่าวก็ตามตามกัน อาการเริ่มหนัก คือเสพข่าวจนเบียดเบียนกิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ทำสิ่งที่เคยทำ เกิดการเปลี่ยนแปลงสัมพันธภาพ คืออินมากจนถกเถียง ขัดแย้งกับคนอื่น

ส่วนกรณีมีทั้งสื่อและคนจำนวนมากออกมาจำลองเหตุการณ์ทดสอบนั้น หากจำลองด้วยความรู้ ความระวังตัว ถือเป็นประโยชน์เพื่อการเรียนรู้ แต่หากเลียนแบบเพื่อส่งเป็นไวรัล โดยไม่รู้ความจริง จะยิ่งซ้ำแผลทางใจของผู้สูญเสียให้หายช้าขึ้น

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน