ออกหมายจับเพิ่ม 5 ราย แก๊งตร.อุ้มรีด 4 แสน เผยมีคนร่วมขบวนการ 10 คน เร่งตามเหยื่อให้การเพิ่ม เร่งกู้วงจรปิดภายในสำนักงานรปภ.ของสารวัตรคม

กรณีสาวร้องขอความช่วยเหลือจาก ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด อ้างว่าเล่นพนันออนไลน์ได้เงินเกือบ 2 ล้านบาท แต่กลับถูกกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างเป็นตำรวจไซเบอร์ บุกตรวจค้น อุ้มตัวน้อง สามี และลูก 11 ขวบ ข่มขู่จนยอมให้เงิน 400,000 บาท แถมพระหนึ่งองค์ ต่อมาสารวัตรคม แก๊งอุ้มรีด ย่องมอบตัวตั้งแต่เช้า ที่สน.บางนา ก่อนคุมตัวสอบ แล้วนำตัวไปฝากขังศาล เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 2 เม.ย.65 ที่สน.บางนา พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผบช.น.ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้าคดีว่า ทางพ.ต.ต.คม เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ทางพนักงานสอบสวน สอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหา 3 ข้อหา ดังนี้ 1.ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ 2.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง และ3.ร่วมกันทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ จากนั้นนำตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ซึ่งศาลอนุมัติให้ฝากขัง

นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานของศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีนี้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 5 ราย ในข้อหาเดียวกัน ซึ่งจะติดตามจับกุมตัวต่อไป

รถที่ใช้ก่อเหตุ

พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ผู้ต้องหาที่มามอบตัว 1 รายคือ พ.ต.ต.คม รองเภา เป็นข้าราชการตำรวจบช.สอท.(บก.สอท.5) ส่วนที่ถูกออกหมายจับ เป็นข้าราชการตำรวจสังกัดบช.สอท.(บก.สอท.2) 1 นาย อดีตข้าราชการตำรวจ 1 คน พลเรือน 3 คน ทั้งนี้ พิสูจน์ทราบตัวผู้ต้องหาได้แล้วทั้งหมด 6 คน และอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาผู้ร่วมกระทำผิดรายอื่นต่อไป

จากการตรวจสอบเบื้องต้นของตำรวจสน.บางนา และตำรวจกองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 พบว่ามีผู้เกี่ยวข้อง 10 คน วันนี้ตำรวจพยายามติดต่อผู้กล่าวหาเพื่อให้ผู้กล่าวหามาสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่สามารถติดต่อได้ จึงประสานไปยังทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด และญาติเพื่อให้ช่วยติดตามผู้กล่าวหาเข้าให้การเพิ่มเติม

วันนี้สอบปากคำได้เพียงคนเดียวคือพ.ต.ต.คม ที่มาพบพนักงานสอบสวน ส่วนอีก 5 คน ออกหมายจับ ยังอยู่ระหว่างติดตามจับกุมตัว ส่วนคำให้การของพ.ต.ต.คมอยู่ในสำนวน ส่วนการอ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นคำให้การของผู้ต้องหา ซึ่งจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป

“ขอให้ผู้เสียหายสบายใจ เพราะข้าราชการตำรวจที่ไปข่มขู่ ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฝากขังไปแล้ว 1 ราย ส่วนที่เหลือถูกออกหมายจับไปแล้วเช่นกัน ซึ่งจะดำเนินคดีให้ครบทุกราย และขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ ถ้ามีผู้ใดมาข่มขู่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยขอให้แจ้งเข้ามา เราพร้อมดำเนินการให้ความคุ้มครองตามระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่” พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ผู้เสียหายยังไม่ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมนั้น จะเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินคดีหรือไม่ พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า ตำรวจสามารถดำเนินการได้ในจุดหนึ่ง แต่พอมีข้อสงสัยที่อยากจะซักถามเพิ่มเติม ก็จำเป็นต้องสอบถามจากผู้เสียหายในบางเรื่องบางประเด็น

“จากคำให้การในวันที่ 25 มี.ค. และการทำงานของตำรวจ ก็สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำผิดได้จำนวนหนึ่งแล้ว ทั้งนี้ตำรวจดำเนินการไปเยอะแล้ว หากยังไม่มั่นใจประสานมาโดยตรงที่ตำรวจที่ผู้เสียหายไว้วางใจหรือจะประสานมาโดยตรงที่ผมได้ ยืนยันว่าเราทำงานอย่างเต็มที่ขอให้มั่นใจในการทำงานของตำรวจ” พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าว

ส่วนตำรวจอีก 2 ราย ที่ไม่ได้ลงรายมือชื่อในชุดปฎิบัติการนั้น พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า สอบปากคำได้ 1 นาย ยืนยันพร้อมอ้างถิ่นที่อยู่ว่าไม่ได้มาร่วม เพียงแต่เคยเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาของพ.ต.ต.คม สมัยที่ยังรับราชการอยู่ที่บก.น.3 คือก่อนที่จะไปรับราชการที่บช.สอท.

เคยอยู่ที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจนครบาล 3 โดยมีข้าราชการตำรวจทั้ง 2 นายที่ปรากฎในรายชื่อ แต่ไม่ได้ลงลายมือชื่อ เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา จึงถูกนำชื่อไปใส่ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ไปร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ โดย 1 คนที่เรียกมาสอบปากคำยืนยันถิ่นที่อยู่แล้ว ส่วนอีก 1 คนผู้บังคับบัญชายืนยันว่าป่วยกักตัวโควิด-19 ซึ่งมาไม่ได้อยู่แล้ว หากพ้นการกักตัวรักษาอาการป่วยโควิด-19 แล้วก็จะเรียกมาสอบปากคำในภายหลัง

รองผบช.น. กล่าวอีกว่า จะตรวจสอบไปยังต้นสังกัดของผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจทั้ง 2 นายว่าเขามีหน้าที่อะไร ส่วนคดีอื่นของผู้ต้องหาอยู่ระหว่างตรวจสอบอยู่ว่า ผู้ต้องหาทุกรายที่ปรากฎชื่อว่ามีคดีเก่าอะไรหรือไม่

เมื่อถามถึงคดีเมื่อปี 2556 เกี่ยวกับกับวินรถตู้ในพื้นที่บางบัวทองที่ปรากฏชื่อร.ต.ท.คม อายุ 31 ปี ตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาในคดี พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า ให้ทางพนักงานสอบสวนตรวจสอบคดีที่ปรากฏชื่อของนายตำรวจคนดังกล่าวว่า มีผลทางคดีอยู่ว่าเรื่องนั้นเป็นอย่างไร

ส่วนการตรวจค้นเมื่อวานนี้ ตรวจยึดรถยนต์ที่พบเห็นในวันที่เกิดเหตุได้ 1 คัน และตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภายในสำนักงานรปภ. ของ พ.ต.ต.คม อุปกรณ์กล้องวงจรปิด ในเบื้องต้นทราบว่ากล้องวงจรปิดถูกลบเมมโมรี่ไปแล้ว ส่งให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบว่าจะสามารถกู้ไฟล์ได้หรือไม่

พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตั้งแต่ผู้กล่าวหาเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจสน.บางนา และตำรวจกองกำกับการสืบสวนนครบาล 5 และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับได้ 5 ราย และแจ้งข้อหา 1 ราย รวม 6 ราย ถือว่าตำรวจทำงานได้รวดเร็วระดับหนึ่ง

ถึงแม้จะมีข้าราชการตำรวจ 1 รายถูกแจ้งข้อหา อีกรายถูกออกหมายจับ ซึ่งประชาชนจะเห็นได้ว่า เราทำงานอย่างจริงจัง ไม่มีการช่วยเหลือผู้กระทำความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะเป็นข้าราชการตำรวจก็ตาม ต้องว่ากันไปตามกฎหมายและข้อเท็จจริง

ส่วนเว็บไซต์พนันออนไลน์ในคดีนี้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ กล่าวว่า เบื้องต้นทราบชื่อเว็บไซต์ดังกล่าวแล้ว จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าเว็บไซต์ได้ปิดเว็บไปแล้ว ตำรวจหน่วยที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ทั้ง 2 นายจะทำเรื่องไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ซึ่งทางผบช.สอท. ให้สัมภาษณ์แล้วว่า ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว และวันนี้สั่งการให้ ผกก.สน.บางนา ทำเรื่องไปถึงผบก.สอท.2 และผบก.สอท.5 อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ดำเนินการทางวินัยตามระเบียบต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ยังชี้แจงถึงกรณีเหตุชุลมุนขณะนำตัวพ.ต.ต.คมไปส่งศาล ว่า เรื่องนี้ทางผู้ต้องหาในคดีนี้ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง ในทางปฏิบัติพนักงานสอบสวนมีอำนาจที่จะสั่งให้ไปศาลเพื่อขอหมายขัง ถ้าเขาขัดขืนเราก็ทำได้เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้หลบหนี โดยมีมาตรการจากเบาไปหาหนัก มาตรการเบาเริ่มจากสั่งซึ่งเขาก็ต้องไปเอง ต้องเดินตามเมื่อเขาไม่ไป ก็ต้องควบคุม ใช้กำลังพาเขาไปที่ศาลตามความเหมาะสม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน