สาวร้องกระทรวงยุติธรรม ผู้คุมหญิงเรียกค่าดูแล บอกถ้าอยากให้แม่สบาย ก็โอนเงินมา ด้านเรือนจำเร่งตรวจสอบ เบื้องต้นให้ออกจากราชการก่อน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 21 เม.ย.65 ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายรณณรงค์ แก้วเพชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม พาน.ส.พรพิมล (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้เสียหาย เดินทางมาร้องกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยหลังแม่ถูกกักขังในเรือนจำพิเศษธนบุรี และถูกผู้คุมหญิงในทัณฑสถานหญิงแห่งหนึ่ง โทรศัพท์มาหาพ่อเอ่ยปากขอเงิน แลกกับการให้แม่ได้อยู่อย่างสบาย ไม่ลำบากในทัณฑสถานหญิง จนพ่อหลงเชื่อโอนเงินและเอาเงินไปให้ถึงแฟลตที่พักของเรือนจำ แต่สุดท้ายไม่ได้เป็นอย่างที่พูด

น.ส.พรพิมล กล่าวว่า แม่อายุ 51 ปี มีอาชีพขี่วินจยย.ย่านพระราม 2 ถูกจับข้อหาสนับสนุนกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด หลังลูกเขยเอาบัญชีแม่ไปใช้โอนเงินค่ากัญชา ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.64 โดยพ่อไปเยี่ยม มีการโทรวิดีโอคุยกันจนผู้คุมหญิงรายหนึ่ง (สงวนชื่อสกุล) ไม่รู้ได้เบอร์โทรศัพท์ของพ่อได้อย่างไร

โทรมาขอเงินกับพ่อตรงๆ บอกว่าจะดูแลแม่อย่างดีหางานเบาๆให้ทำ แต่ต้องโอนให้เพื่อดูแลผู้คุมคนนี้ ซึ่งพ่อก็ยอมให้ เพราะไม่อยากให้แม่ลำบาก โดยขอครั้งละ 200-1,000 บาท ตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ย.64 ถึงปัจจุบัน ทั้งแบบโอน และนำเงินไปส่งให้ รวมเป็นเงินประมาณหมื่นบาท ขณะที่พ่อมีอาชีพขี่วินมอเตอร์ไซค์ รายได้วันละประมาณ 300 บาทเท่านั้น

โดยผู้คุมคนดังกล่าวพยายามอ้างต่างๆนานา ว่าเป็นค่าอาหารบ้าง แม่ซื้อของบ้าง ค่าเสื้อผ้าบ้าง และที่น่าเจ็บใจที่สุดคือมาของเงินค่าเค้กวันเกิดลูกสาวตัวเอง ซึ่งตั้งแต่เริ่มขอเงินก็บอกกับพ่อว่าไม่สามารถเข้าเยี่ยมแม่ได้เหมือนเดิม โดยอ้างว่าจากสถานการณ์โควิดระบาด แม้กระทั่งจดหมายก็ส่งไม่ได้ ทำให้ครอบครัวไม่รู้ความเป็นอยู่แม่เลย กระทั่งตนไปตรวจสอบหน้าเรือนจำ เจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถเขียนจดหมายถึงกันได้ตลอด จึงรู้ว่าถูกผู้คุมหญิงคนดังกล่าวหลอก








Advertisement

อีกทั้งมารู้จากนักโทษที่รู้จักกับแม่ด้านใน เขามาหาที่บ้าน พร้อมกับบอกว่าอย่าให้เงินผู้คุมคนดังกล่าว เพราะเรียกเงินผู้ต้องขังหลายรายแล้ว เคยถูกตรวจสอบแล้วหลายครั้งแต่หลุดรอดมาได้ตลอด จึงเป็นห่วงแม่มากไม่รู้จะทำอย่างไร

โดยหลังจากที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ตนโทรหาผู้คุมคนดังกล่าว เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้คุมก็นัดให้ตนไปเจอ แต่พ่อไม่ให้ไป เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย ผู้คุมคนดังกล่าว จึงพยายามติดต่อมา โดยการโทรหา ส่งข้อความมา ลักษณะไม่อยากให้เอาเรื่อง แต่ตนคิดว่า ปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ มีหลายครอบครัวที่โดนผู้คุมคนนี้หลอก ตนจึงตัดสินใจมาปรึกษาทนายรณรงค์

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนพยายามโทรหา ผบ.เรือนจำที่แม่อยู่ โดยโทรจากเบอร์ที่ค้นหาในกูเกิ้ล แต่ทุกครั้งที่โทรไป ผู้คุมหญิงรายนี้จะเป็นคนรับสายตลอด จึงทำให้ไม่ได้โอกาสได้พูดคุยกับ ผบ.เรือนจำเลย

ต่อมา 10.00 น. นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เดินทางมารับหนังสือร้องเรียน พร้อมกับเปิดเผยว่า ทางกระทรวงยุติธรรมไม่ได้นิ่งนอนใจเลย มีคำสั่งให้ผู้คุมหญิงคนดังกล่าวออกจากราชการ เพื่อให้เกิดความชัดเจน พร้อมกับแต่งตั้งกระบวนการสอบสวนยุติธรรม ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยและอาญาของผู้คุมหญิงคนดังกล่าวอย่างรวดเร็วแล้ว

โดยหลังจากนี้ก็จะตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง เนื่องจากมีข้อมูลว่าผู้คุมคนดังกล่าวมีหลักฐานการโอนเงิน จึงตรวจสอบรายการรับโอนทุกบัญชี มีโทษทางวินัยและอาญาด้วย ซึ่งอาญาแบ่งเป็น 2 ส่วน ให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ไว้ก่อน ส่วนเรื่องวินัยก็จะดำเนินการตามขั้นตอนที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้ว

ขณะที่ ทางกระทรวงยุติธรรมเอง ก็ได้รับเรื่องร้องทุกข์ของครอบครัวอีกส่วน ในเรื่องความปลอดภัยของคุณแม่ที่อยู่ด้านในเรือนจำ ซึ่งว่าทางครอบครัวหรือผู้ถูกคุมขังไม่สบายใจ ก็จะทำเรื่องโอนไปอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลางบางเขนได้

ส่วนประเด็นเรื่องที่ผู้เสียหาย โทรเข้าเบอร์กลางของเรือนจำ เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ของคุณแม่ แต่ผู้คุมหญิงรายนี้ เป็นคนรับสายถึง 3 ครั้งนั้น จะนำเรื่องนี้ไปตรวจสอบอีกครั้ง แต่เบื้องต้น ผู้คุมจะแบ่งเวรกันปฏิบัติหน้าที่ ทั้งประชาสัมพันธ์ รับโทรศัพท์ และดูแลผู้คุมขังด้วย

ทั้งนี้ ฝากบอกประชาชนทุกท่านว่า ใครที่เจอเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ สามารถมาร้องเรียนกับทางกระทรวงยุติธรรมได้ หรือไปร้องเรียนที่ผู้บัญชาการเรือนจำพื้นที่ได้

 

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน