บังแจ็ครับแล้ว แม่ส่งมือถือให้เอง ยันไม่มีโอนเงินให้ แค่ต้องการช่วยกู้ข้อมูล เผยมีภาพสำคัญ กว่า 5 หมื่นภาพ ยันเป็นเจ้าของเพจ Happy Melon official

วันที่ 25 พ.ค.2565 ทางบังแจ๊คให้สัมภาษณ์ผ่านรายการถกไม่เถียง ยอมรับว่า โทรศัพท์มือถือของแตงโม-นิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงชื่อดังที่พลัดตกเรือดับอยู่ที่ตนเอง โดยคุณแม่แตงโมเป็นคนส่งมาให้เอง ยืนยันว่าไม่มีการโอนเงินไปให้คุณแม่ ที่คุณแม่ส่งมาเพราะต้องการให้ช่วยกู้ข้อมูลคืนมาจากมือถือตนก็พยายามกู้อยู่ เพราะข้อมูลมันเยอะพอสมควร

ตอนนี้สามารถกู้ข้อมูลสำคัญๆ มาได้บางส่วน มีคลิป ข้อความ รูปภาพ ข้อมูลการรับงาน โอนเงินบางส่วนที่ถูกลบไป โดยรวมแล้วน่าจะมีรูปประมาณ 5 หมื่นภาพ คลิปที่กู้มาได้ เป็นคลิปที่ไม่สุภาพของน้องโม เพจHappy Melon official ที่มีผู้ติดตาม 1.5 ล้านคน เป็นเพจของตน ที่ได้รับอนุญาตจากคุณแม่แล้วในการโพสต์สิ่งเหล่านี้

ส่วนที่เพจอื่นๆนำไปโพสต์ ไม่ใช่ฝีมือของตน เรื่องที่โทรหาคุณกระติก แล้วมีการส่งภาพไม่เหมาะสมของแตงโมไป เรื่องนี้ตนไม่รู้ เป็นความผิดของคุณกระติกที่ให้สื่อถ่าย ปกติการคุยโทรศัพท์ต้องคุยเป็นการส่วนตัว วันที่เราโทร.ไป คุณกระติกวางสายทันที สื่ออย่าไปเข้าข้างพวกนี้ ทำไมไม่ไปถามเขาว่ากระติกลบข้อมูลทำไม

ด้านฮิปโป เพื่อนสนิทและผู้จัดการของ ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการถกไม่เถียง ว่า แตงโมมีรูปประมาณ 3 หมื่นรูป ไม่เกิน 4 หมื่น ที่ตนรู้เพราะแตงโมเปลี่ยนโทรศัพท์ เพราะโดนบ่นว่าขายของออนไลน์แล้วถ่ายภาพไม่สวย แล้วโมก็ไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ให้ช่วยโอนข้อมูล ร้านบอกถ้ารูปน้อยไม่เกิน 2 ชม. แตงโม บอกมีประมาณ 3 หมื่นกว่ารูป ก็ใช้เวลาประมาณครึ่งวันเลย

ตอนนี้ตนยังไม่เห็นกับตาว่ามีรูปอะไรบ้าง ไม่สามารถยืนยันได้ แล้วเวลาว่างของแตงโม เขาชอบจัดรูปภาพของเขาทุกวัน ส่วนเรื่องที่ถ่ายรูปในวันที่เกิดเหตุถึง 500 ภาพ สำหรับตนคิดว่ามันผิดวิสัยมากเลย เอะอะอะไรก็ถ่ายหมดเลยเหรอ ตอนนี้ก็รู้สึกกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่รู้ว่ารูปส่วนตัวมีอะไรบ้าง และการกู้รูปส่วนตัวจะได้มากแค่ไหน แล้วรูปที่เขาไม่ประสงค์จะเผยแพร่ จะเยอะแค่ไหน

“รู้สึกช็อก และร้องกรี๊ดในเวลาเดียวกัน ที่รู้ว่าคุณแม่เป็นคนส่งมือถือแตงโมไปให้บังแจ๊ค เรารู้พร้อมสื่อทั่วไป นี่คือความเจ็บปวด ตนทำงานในวงการสื่อ แล้วต้องมาพิมพ์ข่าวนี้”

โดยวันที่ 24 ก.พ. วันที่เกิดเหตุที่แตงโมตกเรือ ทางกระติกได้นำโทรศัพท์มือถือกลับไปที่บ้านของแตงโม ผ่านไปประมาณ 1-2 วัน ไอจีของแตงโมมีความเคลื่อนไหว โดยมีการลบภาพบางส่วนออกไป ตนเองได้มีโอกาสคุยกับทางตำรวจ และมีการแจ้งเรื่องนี้ ทางตำรวจจึงโชว์ให้ดูว่า โทรศัพท์มือถือของแตงโม ตอนนี้อยู่กับทางตำรวจแล้ว

ต่อจากนั้นเกือบ 3 เดือน ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร จนกระทั่งวันที่ 21 พ.ค. มีความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กของแตงโม ซึ่งปกติแล้ว แตงโมไม่ค่อยเล่นเฟซบุ๊ก เพราะยอดคนตามไม่ค่อยเยอะ ถ้าจะขายของ โมก็จะขอไปขายที่เพจแอนนาแทน

ดังนั้นเวลาเขาจะเล่น เขาจะเล่นไอจี แล้วตั้งโพสต์ไปที่เฟซบุ๊กมากกว่า ซึ่งพอมีคนโพสต์บัญชีของแตงโม เพื่อนๆ ก็เริ่มสงสัยว่าใครถือมือถือแตงโม เราก็เริ่มสืบกันในกลุ่มเพื่อน พอสืบไปสืบมา ตำรวจก็บอกว่าส่งคืนคุณแม่ไปแล้ว คุณแม่เองก็บอกว่าไม่ได้เล่น บอกว่าอยู่กับทางทนาย

ส่วนเรื่องรหัสต่างๆ ของแตงโม คนสนิทจะมีรหัสเข้าบ้าน เข้ามือถือ แต่จะไม่มีรหัสเข้าโซเชียลมีเดีย เพราะเวลาแตงโมแต่งหน้า จะไม่สะดวกรับสาย ก็จะให้เพื่อนรับแทน แต่เราก็เดาได้ไม่ยากว่ารหัสเป็นอะไร เพราะเขาจะใช้เลขไม่กี่ตัว มาตอนหลังที่ทราบว่ามีการล็อกอินจากอเมริกา เราก็เอะใจว่าทำไมไปอยู่ที่นั่น

ตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นนี้ เราเองก็พยายามเช็คว่าโดนแฮกรึเปล่า เพราะบางรูปเรารู้ว่ามาจากเครื่องแตงโมเท่านั้น เรื่องที่แตงโมมีโทรศัพท์หลายเครื่องเป็นเรื่องจริง แต่เขาจะใช้แค่เครื่องเดียว แล้วยกเครื่องเก่าให้คนอื่น เพราะเห็นว่ายังใช้ประโยชน์ได้

โดยบังแจ๊ค เคยแอดไลน์มาคุย เรื่องผ้าคลุมสีขาวของแตงโม เขาบอกจะส่งมาให้เรา เราบอกเราไม่รับ ให้เขาส่งไปที่ตำรวจ หรือดีเอสไอเลย เรามองแบบโลกสวยเลยว่าที่เขาติดต่อมาทางเราคงคิดว่าเก็บไว้ที่เราจะปลอดภัย แต่เราก็บอกปัดให้เขาส่งไปให้คนที่มีหน้าที่จะดีกว่า ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นสัพเพเหระไป หลังจากนั้นเขาก็ติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ แต่ด้วยเรื่องเวลาที่ไม่ตรงกัน เขามักจะโทรมาในช่วงเวลาที่เราทำงาน ไม่สะดวกรับสาย ทำให้เขาบอกว่าถ้าเราไม่สะดวกคุย ไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไร เขาจะช่วยเอง

ทั้งนี้บังแจ็คก็ทักไปหาหลายคนเลย ล่าสุด ก็มีการทักไปที่ โม-อมีนา พินิจ ทำให้ โม รู้ว่าโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ใคร เพราะเขาบอกเองว่าเขามีมือถือของแตงโมนะ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาบอกเพราะต้องการอะไร

ด้านพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยว่า ภาพที่โพสต์ ตนมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี คนที่โพสต์ไม่ได้มีเจตนาช่วยอะไร ทนายเดชาบอกว่าแม่เป็นคนให้มือถือบังแจ๊คไปด้วยความปรารถนาดี เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย การที่แม่ให้ไป เป็นความหวังดี หรือมีเจตนาอื่น คนที่ขอมือถือของแตงโมไป คงอยากจะได้ภาพลับ พอได้ภาพลับไปก็เอากลับมาแบล็คเมล์ เพราะเริ่มมีการนำภาพบางส่วนมาข่มขู่ แต่แค่ยังไม่ถึงขั้นเรียกเงิน และคนทำอาจเชื่อมโยงกับยูทูปเบอร์ ที่ออกมาพูดเรื่องคดี เพื่อให้มีเรื่องพูดต่อ นำไปขยายความ ทำให้คดีบิดเบี้ยว

เบื้องต้นที่เขาบอกว่ามีหลักฐานเด็ด ก็ไม่เห็นมีสักที แล้วก่อนจะทำอะไรก็มีข้อมูลมาแล้ว เพราะฉะนั้นต้องมีการดีลกันมาก่อนเพื่อจะหาแสง หาผลประโยชน์ ทั้งๆที่คดี ไม่มีอะไร แล้วมาวิจารณ์การทำงานของตำรวจ แล้วสังคมก็ไม่เชื่อกระบวนการยุติธรรม ทำให้เสียหายไปหมด

เรื่องความผิดการนำภาพแตงโมออกมา ถ้าทำให้เสียหาย ในกรณีของแตงโม ถ้าแม่เขาไม่แจ้งความ เราก็ไปดำเนินคดีไม่ได้ มันก็จะจบตรงนี้ แต่คดีนี้น้องกระติกแจ้งความอยู่ ตำรวจก็จะมีต้นเรื่องในการสืบสวน ถ้าเป็นคดีที่คนทำผิดอยู่ต่างประเทศ แต่ทำผิดกฎหมายไทย ก็สามารถทำการสอบสวน มอบให้อัยการ หรือตำรวจ สามารถตามตัวได้ ตนเชื่อว่า ข้อมูลที่ ตำรวจมีหลักฐานมากกว่าที่เราคิด แต่ท่านไม่สามารถเอาออกมาพูดได้ เพราะมันอยู่ในสำนวนสืบสวน มีกฎหมายค้ำคออยู่ ไม่สามารถพูดได้

“โดยการส่งโทรศัพท์มือถือไปให้เขา มันจะมีผลลบกับน้องแตงโมพอสมควร ทีนี้ถ้าได้โทรศัพท์กลับคืนมา เราก็ไม่รู้ว่าเขาเอาข้อมูลไปมากเท่าไหร่”

ส่วนประเด็นที่ทนายเดชามีการพาดพิงถึงยูทูปเบอร์รายหนึ่ง ว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มีการติดต่อกับบังแจ๊คนั้น ทางรายการ ถกไม่เถียง ได้ติดต่อไปยัง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่ง นายอัจฉริยะ เชื่อว่าคนที่ทนายเดชาพาดพิงถึง หมายถึงตนเอง พร้อมเผยว่า ในความรู้สึกตน ในเมื่อบังแจ๊คให้คำปรึกษาคุณแม่ได้ดีกว่าทนายคุณแม่ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง

ยืนยันว่าตัวเองไม่เคยติดต่อกับบังแจ๊ค ไปเช็คกับทางตำรวจไซเบอร์ได้เลยว่ามีหลักฐานที่ตนติดต่อกับบังแจ๊คไหม ยอมรับว่าบังแจ๊คเคยติดต่อมาเมื่อ 3 เดือนก่อน ตนเคยโชว์หลักฐานให้นักข่าวดูแล้ว แต่ตนไม่ได้ให้ราคาเพราะเขาเป็น 18 มงกุฏ เรื่องหลักฐานในคดีแตงโม ตนมีมากกว่าที่บังแจ๊คพูดมาอีก และไม่เกี่ยวกับเขาเลยด้้วย ที่ตอนนี้ตนสงสัยคือทำไมตำรวจต้องบล็อกเบอร์ของผู้ต้องสงสัยด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน