ทนายเดชา เปิดใจ หลังแม่แตงโม กลับลำไม่ฟ้อง คดีฆาตกรรม ชี้ หลักฐานไม่พอเอาผิดคนที่โดนฟ้องกลับคือแม่เอง ชี้ ทีม สส.เต้ รู้ดี ว่า หลักฐานไม่พอ ซัดความเห็นไม่ตรงกัน

เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.65 ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยถึงกรณีที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม นิดา บอกว่าจะไม่ยื่นฟ้องคดีฆาตกรรม เพราะไม่มั่นใจในพยานหลักฐาน กลัวว่าจะถูกฟ้องกลับ ว่า เรื่องนี้ตนเคารพการตัดสินใจของคุณแม่ ซึ่งเท่าที่ทราบ คุณแม่น่าจะสอบถามความเห็นกับนักกฎหมายที่เป็นกลางมา ไม่ใช่นักกฎหมายชุดปัจจุบัน

ทราบว่า การจะฟ้องต้องมีพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่เช่นนั้นก็มีผลกระทบทางกฎหมายที่ต้องรับ ซึ่งคุณแม่เป็นคนฉลาด เมื่อรู้ว่ามีความเสี่ยงต่อกฎหมาย จึงเปลี่ยนใจ แม้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ จะบอกว่าเป็นการมอบอำนาจ แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผู้ที่จะถูกเอาผิด คือผู้ที่เซ็นมอบอำนาจ คนที่รับมอบอำนาจจะไม่ได้โดนไปด้วย

ทนายเดชา เปิดเผยว่า แม่ยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหาตน แต่หากวันหนึ่งคุณแม่คิดถึง ก็สามารถติดต่อมาได้ ส่วนตัวไม่ได้มีความขัดแย้งกับคุณแม่ ถึงแม้ว่าคุณแม่จะให้สัมภาษณ์แซะตนบ่อยครั้ง ตนก็ไม่โกรธ เพราะเข้าใจว่าแม่ต้องการหาสาเหตุการเสียชีวิตของลูกสาว ก่อนหน้านี้ตนเองก็เคยให้คำแนะนำกับคุณแม่ว่า หากไม่มีหลักฐานยืนยันว่าใครเป็นคนฆ่า ก็อย่าฟ้อง เพราะหากนำสืบไม่ได้ก็จะแพ้คดี และอาจจะถูกฟ้องกลับได้

เมื่อถามว่า จะกลับไปเป็นทนายให้แม่หรือไม่ ทนายเดชา กล่าวว่า ก็คงจะไม่ไปเสนอตัว แต่ถ้าคุณแม่เห็นว่าตนยังมีประโยชน์ก็ติดต่อกลับมาได้ แต่ถ้าสุดท้ายแล้วคุณแม่ยังจะเดินหน้าฟ้อง ก็แล้วแต่คุณแม่ ตนเคารพการตัดสินใจ อยากฟ้องก็ฟ้องไป

“ส่วนตัวยังยืนยันว่าคดีนี้เต็มที่ยังไงก็ยังคงเป็นได้แค่คดีประมาท ซึ่งผมก็อยากจะให้คุณแม่ไปพบอัยการเจ้าของสำนวนเพื่อดูรายละเอียด จะได้ทราบเหตุและผล ถ้าไม่มีใครพาไปก็โทรมาหาผมได้ จะเป็นคนพาไปเอง คุณแม่จะได้เข้าใจการสั่งฟ้องของอัยการ หากไม่เชื่อมั่นตำรวจ”ทนายเดชา กล่าว

ทนายเดชา กล่าวว่า กรณีที่นายอัจฉริยะบอกว่ามีภาพคราบเลือดบนเรือ ตนยืนยันว่า จากที่ได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้ พยานหลักฐานนี้ไม่มีอยู่จริง แต่พูดไปคนก็คงไม่ชอบ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณแม่ตัดสินใจไม่ฟ้องเอง คนอื่นๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับแตงโมโดยตรง ก็ไม่ควรจะฟ้องเอง เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า

“หากนายอัจฉริยะบอกว่ามั่นใจในพยานหลักฐาน แต่คุณแม่ก็เพิ่งให้สัมภาษณ์เอง บอกว่าหลักฐานไม่ชัดเจน จึงไม่ทราบว่านายอัจฉริยะเอาหลักฐานชุดไหนให้คุณแม่ดู ซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งที่น่าสงสัย และหากจะอ้างว่าข่าวที่ออกมาเป็นการที่ผู้สื่อข่าวไปปั่นข่าว ผมได้พูดคุยกับนักข่าวช่องดังกล่าวแล้ว ยืนยันว่ามีการพูดคุยกับคุณแม่นานกว่า 10 นาที และทุกอย่างค่อนข้างชัดเจน”ทนายเดชา กล่าวและว่า

ทนายเดชา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น สามารถยืนยันได้ว่า สิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง ไม่เคยผิด ที่บอกว่าเป็นคณะตลก ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ แต่ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงไปแนะนำคุณแม่ให้ฟ้องคดีฆาตกรรม ที่ตนเคยพูดไว้ว่า การที่คุณแม่ไปเข้าร่วมกับนายมงคลกิตติ์และนายอัจฉริยะ อีกไม่นานแพก็จะแตก ซึ่งจริงๆ แพแตกมาตั้งนานแล้ว เพราะไม่ได้มีใครเห็นไปในทางเดียวกัน แม้แต่นายมงคลกิตติ์กับนายอัจฉริยะเอง ก็ยังเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งวันนี้ไม่ใช่แค่แพจม แต่หลังจากนี้อาจจะมีคดีความตามมาด้วย

ทนายเดชา เปิดเผยด้วยว่า กรณีที่ตนได้ไปยื่นเรื่องกับคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบนายมงคลกิตติ์ ว่าพฤติกรรมเข้าข่ายการผิดจริยธรรมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอย่างร้ายแรงหรือไม่นั้น ล่าสุดตนได้รับหนังสือให้เข้าไปให้ถ้อยคำในวันที่ 16 มิถุนายนนี้ ซึ่งหลังจากให้ถ้อยคำแล้ว เรื่องก็จะถูกส่งไปยังคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ทันที คาดว่าประมาณ 1-2 เดือน ก็จะสามารถชี้มูลความผิดได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน