เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 17 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.ทนัย อภิชาติเสนีย์ รองผบช.ปส. และ พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผบก.ประจำ บช.ปส. ร่วมแถลงเปิดปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 ตัดวงจรเครือข่ายยาเสพติดของ น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง หนึ่งในเครือข่ายยาเสพติด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ที่ จ.อุดรธานี และเครือข่ายยาเสพคิดของนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ หรือเอกอ้วน ซึ่งเป็นปฏิบัติการเข้าตรวจค้นทั่วประเทศทั้งหมด 50 กว่าจุด

พล.ต.ท.สมหมาย เปิดเผยว่า จากกรณีการสืบขยายผลการจับกุม น.ส.ทิพย์อาภา หรืออีฟ รักษาแสง พร้อมของกลางเป็นกัญชาและยาไอซ์ โดยใช้เส้นทางลำเลียงจากจ.หนองคาย ผ่านจ.บึงกาฬ มาที่จ.ระยอง มาลงท่าเรือน้ำลึกแล้วออกไปจ.สงขลา น.ส.ทิพย์อาภาก็เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเทียนเอ ตัวของทิพย์อาภา จะใช้วิธีเปลี่ยนหน้าตัวเอง โดยการศัลยกรรมและเปลี่ยนรูปลักษณ์ นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนยานพาหนะเพื่อใช้ขนยาเสพติด โดยการฝังยาเสพติดไว้ใต้พื้นรถ และใช้ป้ายทะเบียนหลายหมายเลข ซึ่งเป็นการสวมหมายเลขทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย

ส่วนสามีที่มียศ พ.ต.ท. จากการสืบสวนทราบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน ทั้งส่วนของการลำเลียงและการดูแลทรัพย์สิน น.ส.ทิพย์อาภาเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงกับประเทศลาว ใช้เส้นทางการลำเลียงเข้ามา ในรูปแบบปกติ คือแอบซุกซ่อนมากับรถขนผู้ใช้แรงงาน ที่ผ่านชายแดนไทยเข้ามา

“เครือข่ายของทิพย์อาภาจะเน้นไปที่กัญชาเป็นหลัก แต่ก็ปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการของตลาด ขณะที่ความต้องการกัญชาในไทยยังมีระดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายประเทศอนุญาต ให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และในทางการแพทย์ก็ประสงค์ที่จะใช้กัญชาเป็นส่วนผสมทำยารักษาโรค แต่ในประเทศไทยยังถือว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายอยู่ แต่หากทางรัฐบาลอนุญาต ให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย จะทำให้ทางเรามีหน้าที่น้อยลงในการควบคุมยาเสพติดประเภทนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายเช่นเดิม” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวต่อว่า ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 นี้ นอกจากน.ส.ทิพย์อาภาแล้ว ยังสามารถจับกุมเครือข่ายที่เชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายเทียนเอ ของนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ หรือเอกอ้วน ที่ถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้ว โดยเอกอ้วนนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในกรุงเทพมหานครและพื้นที่ใกล้เคียง คาดว่าครั้งนี้จะสามารถกวาดล้างเครือข่ายของเอกอ้วนได้อย่างสิ้นซาก จากการตรวจสอบพบว่า เครือข่ายของกลุ่มเหล่านี้ยังพัฒนาวิธีการ ผ่านการฝากทรัพย์สินหรือให้ผู้อื่นครอบครองแทน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะทางเจ้าหน้าที่เริ่มตามสืบ และตามยึดทรัพย์สินของเครือข่ายยาเสพติดเพิ่มขึ้น นอกเหนือไปจากการจับกุมยาเสพติดเพียงอย่างเดียว

“ในครั้งนี้เราพบผู้ร่วมขบวนการ ซึ่งเป็นพี่เขยของเอกอ้วนที่ชื่อว่า นายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล และเป็นผู้ดูแลเส้นทางการเงินและการฟอกเงินของเอกอ้วน เบื้องต้นพบว่านายทวีศักดิ์ เป็นผู้ชอบสะสมอาวุธปืน ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนี” ผบช.ปส. กล่าว

นายกฤษฎา ภู่รุ่งเรืองผล

จากนั้นเวลา 09.00 น. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นำกำลังหน่วยปฏิบัติการสยบไพรี เดินทางไปที่บ้านต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องกับนายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล พี่เขยของเอกอ้วน ที่บ้านเลขที่ 246 ถ.ตีกอง แขวงวังบูรพาภิรมภ์ เขตพระนคร

เมื่อไปถึงสถานที่ต้องสงสัย ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบริเวณโถงภายในพบตู้เซฟขนาดใหญ่ 2 ตู้ จากนั้นจึงนำนายกฤษฎา ภู่รุ่งเรืองผล ที่อยู่ในบ้านขณะนั้น เปิดตู้เซฟออก ภายในพบปืนหลายขนาด จำนวน 21 กระบอก มีทะเบียนครองครองถูกต้อง ซึ่งทางตำรวจคาดว่าเป็นของนายทวีศักดิ์ที่นำมาฝากไว้ก่อนหลบหนีไป อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบว่าครอบครองอย่างถูกต้องหรือไม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวนายกฤษฎาไปสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 18 ม.ค. เวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. จะแถลงผลปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 อย่างละเอียดอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน