อัจฉริยะ เดินทางเข้ารับทราบ 2 ข้อหา เผย 2 ทุ่มคืนนี้ เตรียมเปิดช่องลับบนเรือ ระบุ เคยทำหนังสือถึงอัยการให้มีการตรวจสอบ อ้าง ตำรวจไม่กล้าแตะ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 มิ.ย.2565 ที่สน.พหลโยธิน นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรับทราบข้อหาในคดีที่ถูกตำรวจภูธรภาค 1 โดย พ.ต.ท.พชต วงศ์ประณุฑ ผู้รับมอบอำนาจ แจ้งความดำเนินคดีในความผิด 2 ข้อหา คือ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหา ที่ตำรวจภูธรภาค 1 มาแจ้งความไว้ แต่ที่ทราบวันนี้เขาจะแจ้งข้อหาตนไม่ได้ เพียงแต่จะแจ้งข้อเท็จจริงให้ทราบแล้วปล่อยกลับบ้าน อย่างที่ตนเคยบอกไปว่า คนที่มาแจ้งความไม่มีหลักฐาน มีแต่จะโดนตนกระซวกตีเข่าตายคาที่อยู่แล้ว ตอนนี้อธิบดีอัยการภาค 1 ได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มในคดีแตงโมอีกหลายประเด็น
อัจฉริยะ เดินทางเข้ารับทราบ 2 ข้อหา เผย 2 ทุ่มคืนนี้ เตรียมเปิดช่องลับบนเรือ
นายอัจฉริยะ กล่าวต่อว่า ซึ่งตอนนี้กำลังหาเรือสำรองอยู่ เพราะเรือตัวจริงไม่กล้าแตะ เพราะกลัวเจอคราบเลือด ตนอยากฝากถึงผู้ประกอบการอย่าไปให้ความร่วมมือกับตำรวจ เพราะอาจจะโดนข้อหาสมรู้ร่วมคิด ทำอะไรตนรู้ตลอดเพราะสายมีอยู่ทั่ว
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า โดยวันนี้ตนได้นำภาพที่ใช้แถลงข่าว เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่บอกว่าเวลา 22.18 น. เรือสปีดโบ๊ทอยู่ใต้สะพานซังฮี้ แต่ GPS ในเวลาเดียวกัน เรือสปีดโบ๊ทไม่ได้อยู่สะพานซังฮี้ จึงเป็นการแก้ไขเวลา ตำรวจภูธรภาค 1 ทำหลักฐานเท็จ ส่วนที่ตำรวจบอกว่าแตงโมตกเรือ เวลา 22.34.14 น. ก็เป็นเรื่องเท็จ แต่ข้อมูลที่ตนมีพบว่าแตงโมตกเรือ เวลา 22.32.05 น. เพราะบนเรือสปีดโบ๊ทเหลือ 5 คน
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ตนเป็นคนแรกเลยที่พูดว่า อัยการดาวอย่าพูดมั่ว เพราะหากอัยการภาค 1 มีคำสั่งให้สอบเพิ่มเติม และหากมีการแจ้งข้อหาใหม่ จะเกิดความเสียหายต่อสำนักงานอัยการนนทบุรี ถึงแม้ตนจะฟ้องตรง แต่อัยการก็มีสิทธิฟ้องร่วมกับตนได้ ตนไม่ใช่ทนายความ แต่แม่นกฎหมายกว่าทนายความ ทนายไฟแนนซ์ คดีนี้ตนศึกษามาอย่างดีถึงได้ฟ้องตรง ผู้ต้องหาไม่โดนของตน ก็ต้องโดนของอัยการ “อย่าไปเข้าใจทนายไฟแนนซ์ผิด เพราะมันโง่ไม่รู้เรื่องอะไร ขนาดนิทานเรื่องยายแจ๋ม ยังมากล่าวหาตน
นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า คืนนี้เวลา 20.00 น. จะเปิดช่องลับบนเรือให้ดู ด้านขวามือบนเรือมีช่องลับ ตรงที่แซนนั่งก็มีช่องใหญ่ บริเวณหัวเรือและกลางเรือก็มีช่อง เพราะตนเคยทำหนังสือถึงอัยการ ให้ตรวจสอบช่องลับนี้ มีคราบเลือดอยู่ด้านขวา แต่ตำรวจไม่กล้าไปแตะเรือ เพราะเดี๋ยวเจอคราบเลือดแล้วจะตกใจ จึงต้องไปหาเรือสำรอง ถ้าตำรวจแน่จริงว่าโปร่งใสให้เอาเรือจริงมาตรวจสอบ
