ปคม.เร่งขยายผล หนุ่มลวงดญ.ถ่ายภาพลับ แฉมีเหยื่ออีกกว่า10ราย ดต.เปิดใจ พ่อทำดีที่สุดแล้ว

จากกรณี ปคม. เปิดปฏิบัติการ “คอสเพลย์อวตาร” บุกรวบนายปิยบุตร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี หนุ่มคอลเซ็นเตอร์ ลวงลูกสาวตำรวจวัย 14 ปี ถ่ายภาพลับ ขู่แบล็กเมล์ เหยื่อเครียดก่อนจบชีวิตสลด อ่านข่าว : หนุ่มลวงลูกสาวตร.วัย14 ถ่ายภาพลับ ขู่แบล็กเมล์ เหยื่อเครียดจบชีวิตสลด

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ด.ต.ทรงภพ (สงวนนามสกุล) พ่อของเด็กหญิงวัย14ปี เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อเข้าให้ปากคำ พร้อมเปิดเผยว่า

ตนในฐานะตำรวจ รู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลคดีให้ลูกได้ มากกว่านี้ หลังจากรับรู้เรื่องราว ก็เข้าไปหารือกับผู้บังคับบัญชา พยายามรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งสอบถามกับเพื่อน ๆ ของลูกสาว ก่อนนำข้อมูลมามอบให้กับตำรวจบก.ปคม. จนสามารถสืบสวนขยายผล ต้องใช้เวลานาน กว่า2เดือน จนสามารถจับกุมคนร้ายได้

ด.ต.ทรงภพ กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสาวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วย กักตัวอยู่แต่ในห้อง ก็สอบถามจนพอจะทราบเรื่องราว และยังพบด้วยว่า ก่อนหน้าลูกเคยพยายามจะฆ่าตัวตายมาแล้ว แต่ตนช่วยได้ทัน

ทั้งนี้ลูกสาวนั้นมีความชื่นชอบการแต่งกายคอสเพลย์ มาตั้งแต่ชั้น ป.6 อีกทั้งยังหาชุดมาให้ผู้อื่นเช่า จนมีรายได้นับหลักแสนบาท ตนและภรรยาก็เตือนให้ลูกระมัดระวังตัวเรื่องการแต่งคอสเพลย์​ถ่ายรูป เพราะ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม จนกระทั่งลูกสาวไปรู้จักผู้ต้องหาตั้งแต่ปลายเดือน กุมภาพันธ์ถึงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา

“พ่ออยากบอกลูกเป็นครั้งสุดท้ายว่า พ่อทำหน้าที่ของพ่อ ได้ดีที่สุดแล้ว แต่ลูกก็ไม่ควรจากพ่อไปไวขนาดนี้ ก็ขอให้ลูกรู้ว่า พ่อยังรักลูกตลอดไป” ด.ต.ทรงภพ กล่าวทั้งน้ำตา

ด้าน พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า พวกตนต่างเป็นพ่อคน ไม่รู้​ว่า เมื่อใดลูกจะตกเป็น​เหยื่อ​ของ​อาชญากรรม​ ดังนั้นจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ ต้องเร่งดำเนินการเพื่อปราบปราม​อาชญากรรม​ลักษณะ​นี้​ โดยจะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันอาชญากรรมในสื่อออนไลน์

โดยทางพล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เตรียมมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ โดยจะเปิดโครงการป้องกันอาชญากรรมตามแนวตำรวจสมัยใหม่ ร่วมกับ กสทช. ,มูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัด กทม. ทางตำรวจจะทำคอนเทนต์ ส่งไปให้ครูตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสอนเด็กให้เข้าใจถึงโทษภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันภัยต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นและจับกุม พบว่าผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี อีกกว่า 10 ราย ซึ่งหลังจากนี้จะเร่งตรวจสอบหาแหล่งปลายทางของคลิปดังกล่าว รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมด

พร้อมทั้งจะสอบสวนหาความชัดเจนว่า ผู้ต้องหาเป็นสาเหตุการฆ่าตัวตายของเหยื่อหรือไม่ ก่อนจะแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง ส่วนความผิดที่พบขณะนี้ก็คือ “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองและผู้อื่น และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน