เมื่อ‪เวลา 13.30 น.‬ วันที่ 18 มกราคม ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีระเบิดในพื้นที่ กทม.ระหว่างปี ‪2550-2560‬ รวม 3 สำนวน ประกอบด้วยคดีหมายเลขดำ อ.3220/2560, อ.3221/2560 และ อ.3222/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวัฒนา หรือตุ่ม ภุมเรศ อายุ 63 ปี อดีตวิศวกรการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) และทำให้เกิดระเบิดจนมีผู้บาดเจ็บสาหัส, มีวัตถุระเบิดและยุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาวัตถุระเบิดไปในเมืองหรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.2530
จากกรณีที่นายวัฒนา ประกอบวัตถุระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ และนำไปวางไว้ที่ทางเท้าบริเวณหน้าสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (กองสลากเดิม) ถ.ราชดำเนินกลาง จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย เมื่อวันที่ 4-5 เมษายน 2560, ที่ใต้ต้นไม้ บนฟุตปาธหน้าโรงละครแห่งชาติ เขตพระนคร จนทำให้เกิดระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 14 -15 พฤษภาคม 2560 และบริเวณตู้โทรศัพท์หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2550
โดยนายวัฒนา จำเลย ให้การรับสารภาพทั้ง 3 สำนวน ซึ่งตลอดการพิจารณาคดีตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2560 จำเลยไม่ได้ยื่นประกันตัว จึงถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ วันนี้ (18 มกราคม) ศาลเบิกตัวนายวัฒนามาฟังคำพิพากษาทั้ง 3 สำนวนในเวลาเดียวกัน ขณะที่จำเลยแจ้งความประสงค์ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนถ่ายภาพ
เมื่อถึงเวลานัด ศาลอ่านคำพิพากษาเป็นรายคดี คดีแรก อ.3220/2560 กรณีระเบิดหน้ากองสลากเดิม ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานอัยการโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นบทหนักสุด จำคุกตลอดชีวิต, ฐานประกอบวัตถุระเบิดและทำให้เกิดระเบิด จำคุก 3 ปี, ฐานครอบครองยุทธภัณฑ์ จำคุก 1 ปี และพกพาวัตถุระเบิดไปในที่สาธารณะฯ ปรับ 1,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท พร้อมให้ชดใช้หญิงผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
ส่วนคดี อ.3221/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ ศาลมีคำพิพากษาเช่นเดียวกันกับคดีระเบิดหน้ากองสลากเดิม โดยให้จำคุกรวมทั้งสิ้น 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท แต่คดีนี้ให้ชดใช้ผู้เสียหาย 1 ราย ที่ยื่นคำร้องขอในส่วนแพ่ง จำนวน 10,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
และคดี อ.3222/2560 กรณีระเบิดหน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ฯ เมื่อปี 2550 นั้น พยานหลักฐานรับฟังได้เพียงว่าจำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตาม มาตรา 289 (4) และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ฯ พ.ศ.2530 ศาลจึงพิพากษาให้จำคุกรวม 26 ปี 6 เดือน ซึ่งรวมจำคุกทั้ง 3 สำนวนแล้ว เป็นเวลาทั้งสิ้น 78 ปี 30 เดือน ปรับ 1,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายรวม 140,000 บาท โดยศาลให้นับโทษนายวัฒนาต่อจากคดีที่ศาลอาญาได้เคยพิพากษาไปแล้วอีก 2 สำนวนด้วย คือ คดีครอบครองวัตถุระเบิดที่บ้านพักของจำเลย ย่านบางเขน จำคุก 4 ปี ปรับ 975 บาท และคดีระเบิดโรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้าฯ เดือนพ.ค.2560 จำคุก 26 ปี 12 เดือน ปรับ 500 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการอ่านคำพิพากษา นายวัฒนาแถลงต่อศาลด้วยท่าทีสงบเสงี่ยมว่า ที่ผ่านมาตนให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานอย่างเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ หวังจะให้ศาลพิจารณาบรรเทาโทษตามความเหมาะสม ขณะที่ผู้พิพากษาแจ้งกับนายวัฒนาว่า ศาลได้พิจารณาตามพยานหลักฐานและที่จำเลยรับสารภาพ รวมทั้งบทลงโทษตามกฎหมายแล้ว
ขณะที่ภายหลังฟังคำพิพากษา นายวัฒนาและภรรยาซึ่งเดินทางมาให้กำลังใจได้พยายามซักถามเรื่องการนับโทษกับพนักงานอัยการโจทก์ ส่วนทนายความจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีระเบิดในพื้นที่ กทม. ที่นายวัฒนาถูกอัยการยื่นฟ้องยังเหลืออีก 2 สำนวน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล คือ 1.คดีหมายเลขดำ อ.2926/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2560 กรณีเมื่อวันที่ 27-30 กันยายน2550 จำเลยนำระเบิดแสวงเครื่องที่ใส่ชิ้นส่วนโลหะ แบตเตอรี่ สายไฟ ดินดำ ในขวดพลาสติกซึ่งใส่น้ำมันเบนซิน และตั้งเวลาระเบิดไว้ 30 นาที นำไปวางไว้ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ถนนราชดำเนินนอก เขตพระนคร ซึ่งเป็นเหตุให้ตำรวจ 2 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยสูญเสียอวัยวะด้วย ขณะที่ตู้โทรศัพท์เสียหายเป็นเงิน 20,000 บาท
2.คดีหมายเลขดำ อ.3157/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 6 ต.ค.2560 กรณีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2550 จำเลยได้จัดเตรียมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องไปป์บอมตั้งเวลา ใส่ไว้ในถุงพลาสติกแล้วนำไปวางไว้บนทางเท้าติดกับตู้โทรศัพท์สาธารณะของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) บริเวณปากซอยราชวิถี 24 แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต ซึ่งการระเบิดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ1 คน และทำให้ตู้โทรศัพท์สาธารณะนั้นเสียหาย กระจกแตก เป็นเงิน 1,000 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน