พล.ต.อ.วิสนุ จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งตรวจสอบการทำงาน ของคณะกรรมการฯ สน.หลักสอง หลังสรุปผล ส.ต.ท. หลอกแม่ค้าโอนเงินล้าน เป็นโทษไม่ร้ายแรง

จากกรณีน.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 44 ปี แม่ค้าย่านหลักสอง ถูกตำรวจจราจร ยศ ส.ต.ท. มาล็อกล้อตีสนิทจนคบหากัน สุดท้ายถูกหลอกยืมเงิน โอนให้กว่า 300 ครั้ง เป็นกว่า 1 ล้านบาท หลังจากทวงถามกลับไล่ให้ไปฟ้อง จึงได้นำหลักฐานไปร้องเรียนกับหน่วยงานต้นสังกัดหลายหน่วยงาน แฉพฤติกรรม เสพยาเสพติด เล่นการพนันออนไลน์ แต่กลับได้รับการตอบว่าเป็นโทษวินัยไม่ร้ายแรง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2565 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ หัวหน้าจเรตำรวจ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากสำนักงานจเรตำรวจ เพื่อลงไปตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของสน.หลักสอง โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมการของสน.หลักสอง ได้มีการสรุปผลและส่งหนังสือแจ้งผู้เสียหายเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 65

อ่านข่าว สาวร้องถูกตร.หลอกคบ ยืมเงินสูญนับล้าน แฉเล่นพนัน-แต่กลับผิดวินัยไม่ร้ายแรง

รับว่าส.ต.ท. คนดังกล่าว ทำผิดจริงตามข้อกล่าวหา ทั้งเรื่องยืมทรัพย์สินแล้วไม่ยอมคืน เรื่องเสพยาเสพติด และเล่นพนันออนไลน์ โดยมีความเห็นว่า เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง และลงโทษเพียงว่ากล่าวตักเตือนเท่านั้น การพิจารณาดังกล่าว สร้างความสงสัยต่อผู้ร้อง และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ถึงการใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการฯ สน.หลักสอง ดังกล่าว

พล.ต อ.วิสนุ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้รับรายงานเบื้องต้นจากทางบช.น. แล้วโดยทราบว่าทาง บช.น. ได้มีหนังสือสั่งการถึงผบก.น.9 ซึ่งกำกับดูแลสน.หลักสอง ให้กลับไปทบทวนผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของสน.หลักสอง โดยให้ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมการสืบสวนข้อเท็จจริงใหม่ ตั้งแต่ 30 มิถุนายน 65 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดีทางจเรตำรวจจะไม่นิ่งเฉย และจะลงมาตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของสน.หลักสอง อีกทางหนึ่งพร้อมกันด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจในการให้ความเป็นธรรมกับทางฝ่ายผู้เสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคม

โดยจเรตำรวจจะตรวจสอบว่าคณะกรรมการสอบสวนฯ ของสน.หลักสอง ได้ดำเนินการตาม กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวน พ.ศ.2556 หรือไม่ โดยเฉพาะการตรวจสอบพฤติกรรมการสืบสวนของคณะกรรมการฯ ในครั้งนี้ว่า คณะกรรมการฯ ของสน.หลักสอง มีความพยายามในการเข้าถึงพยานหลักฐานอย่างเต็มที่หรือไม่ และได้มีการใช้ดุลพินิจในการพิจารณาเสนอความเห็นในเรื่องนี้ บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างไร

เพื่อไม่ให้กระบวนการตรวจสอบความโปร่งใสของตำรวจด้วยกัน มีลักษณะเป็นมวยล้มต้มคนดู จนขาดมาตรฐาน และขาดความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชน และหากพบว่ามีการกระทำผิด หรือบกพร่องอย่างไร ก็จะต้องมีการดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาแก่ผู้เกี่ยวข้อง ด้วยความเด็ดขาด ต่อไป

ส่วนส.ต.ท. คู่กรณี หากจเรตำรวจตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีข้อมูลที่ขยายผลพบว่ามีการกระทำผิดจริง ก็จะต้องมีการดำเนินการทางวินัยและอาญาตามบทลงโทษที่เหมาะสมกับพฤติการณ์ที่กระทำผิดด้วยเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน