เปิดไทม์ไลน์ ไหม้ผับดังชลบรุี พยานเผยนาทีเพลิงลุกจากฝั่งเวที หนีตายผ่านประตูเดียว คาดสายไฟลัดวงจรไหม้ผสมโฟมซับเสียง ทำดับ 14 เจ็บเพียบ ซ้ำรอยซานติก้า
วันที่ 5 ส.ค.2565 นับเป็นเหตุระทึกขวัญสำหรับสังคมไทย หลังเหตุการณ์ไฟไหม้ผับเมาส์เทน บี ( MOUNTAIN B) ริมถนนสายสุขุมวิทบางนา-ตราด ม.7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 14 ศพ บาดเจ็บกว่า 30 ราย โดยที่เกิดเหตุ เป็นอาคารชั้นเดียวในเนื้อที่กว่า 3 ไร่ ละแวกใกล้เคียงมีร้านในเครือเดียวกัน มีคนหนีตายอลหม่าน บางคนถูกไฟคลอกขณะนี้ออกมา เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความสยดสยองให้กับสังคมไทยอย่างยิ่ง
ทางข่าวสดก็เรียบเรียงไทม์ไลน์เกิดเหตุ โดยขณะเกิดเหตุ เป็นเวลาหลังเที่ยงคืนของวันที่ 5 ส.ค. ทางนักเที่ยวกำลังดื่มกินในร้านอย่างสนุกสนาน ขณะที่วงดนตรีกำลังเล่นไปได้ประมาณ 2 เพลงเท่านั้น ก็เกิดระเบิดเสียงดังขึ้นที่ฝั่งของเวที ทางนักเที่ยวเผยว่าเหตุประกายไฟเกิดที่ด้านซ้ายใกล้กับลำโพง จากนั้นเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
โดยเมื่อเกิดไฟลุกนั้น ทุกคนในร้านต่างตื่นตกใจ นักร้องได้หยุดเล่นเพลง แล้วหันไปมองไฟที่ลุก มีคนตะโกนว่าไฟไหม้ ทำให้ทุกคนรีบวิ่งออกจากผับ มุ่งหน้าประตูทางออก จนเกิดการเบียดเสียดเหยียบกันล้ม ระหว่างนั้นเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ควันดำไปทั่วร้าน ไฟในสถานบริการมืดดับไปหมด พยานเผยว่าขณะก้าวเท้าออกจากร้านได้เพียง 3-4 ก้าว ก็เกิดการระเบิดไฟลุกท่วมอีกรอบ บางคนถูกคลอก วิ่งออกมาพร้อมประกายไฟ
นักเที่ยวที่รอดชีวิตจากเหตุสลดนี้เผยว่า ไม่มีใครสังเกตเห็นไฟทางออกฉุกเฉินหรือป้ายสัญลักษณ์ทางหนีไฟ เพราะภายในนั้นมืดมาก จนมองไม่เห็นทาง ไม่มีใครรู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีทางออกกี่ทาง แต่แทบทุกคนพากันวิ่งไปที่ประตูด้านหน้าอย่างเดียว
ทั้งนี้ดีเจผับเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ เขาเหมือนได้กลิ่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไหม้มาหลายวันแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไหม้จากจุดไหน คาดว่าน่าจะมาจากเพดาน ซึ่งมีการติดอุปกรณ์ซับเสียงไม่ให้เกิดเสียงดังออกไปข้างนอก โดยด้านบนเพดานมีการเดินสายไฟอุปกรณ์ต่างๆ ไว้
ทางนักร้องที่ขึ้นแสดงที่ผับแห่งนี้เป็นประจำเผยว่า เวลาตนไปเล่นดนตรีที่ร้านนี้ ก็มักจะเกิดความหวาดระแวงเสมอ เคยคิดกับเพื่อนว่า ถ้าเกิดเหตุคนทะเลาะกันหรือไฟไหม้ จะหาทางหนีได้อย่างไร เพราะประตูหลังร้าน พอวงดนตรีเข้ามาแล้ว จะถูกล็อกโดยการ์ดทันที ทำให้เหลือทางเข้าออกแค่หน้าร้านเท่านั้น
อย่างไรก็ดีทางพนักงานร้านเผยว่า ทางออกของร้านนี้มีทั้งหมด 3 ทางด้วยกัน โดยประตูหน้า เมื่อเข้าไปจะเจอโถง ส่วนประตูทางเข้าออก 2 บาน จะมีการล็อกไว้ 1 บาน ให้เข้าออกทางเดียว เพื่อตรวจสอบนักท่องเที่ยว โดยจุดนี้พบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 รายด้วยกัน
ทางเข้าที่ 2 อยู่หลังแคชเชียร์ มีไว้สำหรับส่งของ เป็นทางเล็กๆ และทางเข้าที่ 3 อยู่หลังร้าน เป็นทางเข้าสำหรับนักดนตรี มีประตูเหล็กอีกชั้น เมื่อนักดนตรีเข้าแล้ว ก็จะล็อกทันที
สำหรับมาตรการความปลอดภัย ผับแห่งนี้เคยเปิดเป็นร้านอาหารมาก่อน จากนั้นได้มีการต่อเติมและเปิดเป็นสถานบันเทิง ภายในร้านมีถังดับเพลิงแค่ 2 จุดเท่านั้น ที่สำคัญไม่มีเซฟทีคัต โดยมีสัญลักษณ์ทางหนีไฟ แต่เนื่องจากผับค่อนข้างมืด ทำให้นักเที่ยวไม่รู้ทิศทาง และไม่สามารถหนีออกมาได้ทัน
โดยร้านดังกล่าวมีการออกแบบประตู 2 ชั้น เพื่อที่จะป้องกันเสียงจากข้างในไม่ให้ออกมาข้างนอก และประตูนี้ยังเป็นประตูซ่อนที่บุแผ่นซับเสียงเอาไว้ เมื่ออยู่ในความมืด จึงมองไม่เห็น และยังไม่มีไฟที่บอกว่าเป็นประตูหนีไฟแต่อย่างใด โดยความกว้างของประตู อยู่ที่ประมาณ 80 ซม.
เบื้องต้นพบว่าร้านแห่งนี้กระทำผิดกฎหมายเปิดเป็นสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต และยังตั้งอยู่ในพื้นที่โซนนิ่งที่ไม่อนุญาตให้เปิดสถานบันเทิง เป็นผลให้มีการโยกย้าย ว่าที่พ.ต.ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน นายอำเภอสัตหีบ จ.ชลบุรี ไปช่วยราชการที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยทันที
โดยในวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางร้านถูกแจ้งข้อหาส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นด้วย โดยหลังจากถูกแจ้งข้อหา ทางร้านได้มีการปรับปรุงโดยการอัดโฟมซับเสียงเข้าไปเพิ่ม โดยใต้โฟมมีการเดินสายไฟซ่อนเอาไว้ สันนิษฐานว่าไฟที่ลัดวงจรได้ไปติดกับโฟมกันเสียงที่อยู่เหนือเวที ก่อนไฟจะลามด้านบนผับไปทั่ว จนเกิดเหตุสลดดังกล่าว
สำหรับการเยียวยาเบื้องต้น นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชลบุรี (ปภ.) ตั้งศูนย์บัญชาการที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบเหตุ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก จึงถือว่าเป็นอุบัติภัย ซึ่งตามกฎของกระทรวงจะมีงบช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้บาดเจ็บรายละ 4,000 บาท บาดเจ็บจนพิการรายละ 13,300 บาท
ส่วนผู้เสียชีวิตจะได้รายละ 29,700 บาท หากผู้เสียชีวิตเป็นผู้นำครอบครัวจะได้คูณ 2 จากตัวเลข 29,700 บาท นอกจากยังมีงบของอำเภอและเทศบาลในพื้นที่ในการเยียวยาด้วย
เหตุเพลิงไหม้ที่ชลบุรีนี้ ทำให้สังคมไทยนึกถึงเหตุไฟไหม้ซานติก้า ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันสิ้นปี 2551 ต่อเนื่องปี 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 61 คน บาดเจ็บ 45 คน โดยสาเหตุเกิดจากพลุเอฟเฟกต์ที่ถูกจุดในคืนข้ามปี ทำให้ไฟลามขึ้นเพดานและไหม้อย่างรวดเร็ว โดยผับดังกล่าว คาดว่า มีคนในคืนนั้นถึง 1,000 คน ในขณะที่ผับรับคนได้แค่ 500 คน ซึ่งประตูเข้าออกกว้างเพียงสองเมตรครึ่งเท่านั้น
