หนุ่มจยย. ไม่ยอมจับมือ คาใจ คนขับรถเมล์ พูดโกหก ปมเดือดหวดไม่ยั้งกลางถนน ลั่น ให้ตำรวจจัดการให้ถึงที่สุด เล่าอีกมุม ยอมรับโมโหมาก

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 ก.ย.2565 ที่เส้นด้าย พหลโยธิน 11 คริส โปตระนันทน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งเส้นด้าย แถลงข่าวเป็นคนกลาง ในการเผชิญหน้าระหว่าง นายหนึ่ง (นามสมมติ) คนขับรถจักรยานยนต์ และ นายอภิสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) คนขับรถเมล์สาย 3 หลังจากมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน จนกลายเป็นคลิปดังในโซเชียลมีเดีย อ่านข่าว : มีปัญหาก็ลงมา! คนขับรถเมล์ เปิดปม หวดไม่ยั้งหนุ่มขี่จยย. แฉปมเล่นมือถือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในการเจรจาพูดคุยกัน ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถจับมือและตกลงกันได้ด้วยดี เนื่องจากยังมีบางประเด็นที่นายหนึ่งยังคงคาใจอยู่ ขณะที่นายอภิสิทธิ์เองได้ขอโทษอีกฝ่าย โดยยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ของอีกฝ่ายก่อนที่จะเดินทางกลับ

คริส กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนกับอาสาเส้นด้ายว่ามีคนในครอบครัวถูกทำร้าย โดยนายหนึ่งผู้เสียหายได้เข้ามานั่งคุยกับตน เพราะกังวล กลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากมีปัญหากับพนักงานคนขับรถเมล์ ขสมก. โดยสาเหตุที่มาร้องเส้นด้ายเพราะรู้สึกว่าสังคมมองว่าตนถูกทำร้ายเพราะทะเลาะกัน แต่อยากให้มองว่า คนขับรถเมล์ที่ขับรถโดยมีผู้โดยสารจำนวนมาก หักรถเลี้ยวซ้ายมาเบียด ทำให้รถจักรยานยนต์ล้มแล้วเกือบจะเข้าไปอยู่ใต้ล้อรถเมล์ ทำให้นายหนึ่งมองว่าเป็นเจตนาที่จะทำให้บาดเจ็บ จึงมาร้องเส้นด้าย

ด้าน นายหนึ่ง กล่าวว่า เหตุการณ์ตอนนั้นตนเพิ่งจะส่งลูกค้าเสร็จที่สถานีกลางบางซื่อ เพราะตนทำอาชีพไรเดอร์ เมื่อส่งลูกค้าถึงจุดหมายแล้ว จึงจำเป็นต้องเช็กข้อมูลในแอพฯ แต่ในขณะเดียวกันรถเมล์สายดังกล่าวได้ขับรถมาแล้วบีบแตรใส่ตนด้วยความหัวร้อน ก่อนจะหันมาด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ตนจึงเก็บโทรศัพท์และขับรถจักรยานยนต์ตามต่อ ก่อนยอมรับว่าพูดไปด้วยความโมโหว่า “เอาแม่งเลยไหม”

นายหนึ่ง กล่าวต่อว่า ซึ่งตลอดทางกว่าจะมาถึงจุดเกิดเหตุ คือ บริเวณที่กลับรถช่วงถนนกำแพงเพชร 2 ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร คนขับรถเมล์พยายามที่จะท้าทายให้ตนขึ้นไปบนรถเมล์ และพยายามจะจอดรถตรงป้ายรถเมล์เพื่อเปิดประตูลงมาบ้าง รวมถึงยังชูนิ้วกลางให้ตน ทั้งคนขับและกระเป๋ารถเมล์ ตอนนั้นยอมรับว่ายิ่งโมโหมาก

หนุ่มจยย. ไม่ยอมจับมือ คาใจ คนขับรถเมล์ พูดโกหก ปมเดือดหวดไม่ยั้งกลางถนน ลั่น ให้ตำรวจจัดการให้ถึงที่สุด

หนุ่มจยย. ไม่ยอมจับมือ คาใจ คนขับรถเมล์ พูดโกหก ปมเดือดหวดไม่ยั้งกลางถนน ลั่น ให้ตำรวจจัดการให้ถึงที่สุด








Advertisement

นายหนึ่ง กล่าวอีกว่า และคิดว่าหากต้องมีเรื่องเพียงแค่จะต่อยกันแบบลูกผู้ชายเท่านั้น ไม่คิดว่าในช่วงที่เลี้ยวซ้ายผ่านตึกแดงมา และมาถึงในช่วงจุดกลับรถตรงที่เกิดเหตุ จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น โดยจังหวะนั้นตนมีออเดอร์พอดี จึงขับออกมาเลนขวา เพื่อกลับรถไปรับลูกค้า

นายหนึ่ง กล่าวว่า ตอนแรกคิดว่าเรื่องจบแล้ว เพราะรถเมล์ต้องเลี้ยวซ้ายเข้าอู่ แต่ปรากฏว่า จู่ ๆ รถเมล์ได้ฉีกขวาออกมาตาม และเจตนาขับรถเหยียบรถจักรยานยนต์ของตนอย่างแรง ทำให้รถของตนติดอยู่ที่ล้อของรถเมล์คันใหญ่ และขาของตนก็ติดอยู่ที่รถจักรยานยนต์ ทำให้ไม่สามารถทรงตัวได้ เมื่อจังหวะที่ตนกำลังจะลุกขึ้นยืน คนขับรถเมล์ก็ปรี่เข้ามาต่อย และทำร้ายร่างกายตนเหมือนในคลิป

“ผมยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่มีการไกล่เกลี่ยหรือพูดคุยแต่อย่างใด โดยเฉพาะกรณีที่คนขับขับรถเหยียบรถจักรยานยนต์ของผม ทำให้ได้รับความเสียหาย (แตกทั้งคัน) และผมก็เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะติดอยู่กับตัวรถช่วงใต้รถเมล์ ซึ่งผมก็เป็นคนรูปร่างอ้วนด้วย แถมยังถูกทำร้ายนานกว่า 5 นาทีโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว แต่โชคดีที่ร่างกายไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแต่มีอาการเจ็บที่ปาก เพราะปากแตก และร่างกายมีรอยฟกช้ำ” นายหนึ่ง กล่าว

นายหนึ่ง กล่าวต่อว่า ส่วนเมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เข้าไปเจออีกฝ่ายที่ สน.บางซื่อ หลังจากตนได้เข้าไปแจ้งความไว้ แต่เกิดเหตุการณ์ชุลมุนเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับเริ่มโกหก ทำให้ตนไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองอยู่ จึงเข้าไปต่อยเข้าที่ใบหน้าของคนขับรถเมล์ ก่อนจะเปรียบเทียบค่าปรับตามกฎหมาย

นายหนึ่ง กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าตัวเองอารมณ์ร้อนและไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้ แต่ตนก็ไม่อารมณ์ร้อนถึงขั้นบุกขึ้นไปทำร้ายร่างกายเขาบนรถเมล์ และเขาไม่มีสิทธิ์ปาดรถมาชนตนแล้วลงมาทำร้ายซ้ำอีกด้วย

นายหนึ่ง กล่าวว่า ทั้งนี้ หลังจากได้ฟังคู่กรณีเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ก็ไม่สามารถจับมือ และจบกันด้วยดีได้ในเมื่ออีกฝ่ายยังเล่าเรื่องโกหกอยู่ เพราะเมื่อวาน ที่สน.บางซื่อ เขายอมรับว่าเจตนาขับรถเหยียบตน แต่พอมาตอนนี้บอกไม่มีเจตนา ตนจึงไม่อยากพูดอะไรแล้ว ดังนั้นขั้นตอนหลังจากนี้ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ด้าน น.ส.เพียร บวรสิทธิไพบูลย์ ผู้อำนวยการเขตการเดินรถที่ 8 กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอโทษทุกคนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเกิดพนักงานคนขับรถโดยสารไม่สามารถควบคุมอารมณ์ในฐานะผู้ให้บริการได้ โดยหลังจากนี้ทาง ขสมก. จะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และจะต้องส่งพนักงานไปทำงานในหน้าที่อื่นก่อนในช่วงนี้ และอาจจะต้องมีการพักงานด้วย เบื้องต้น หลังเกิดเรื่องนายอภิสิทธิ์ได้รายงานตามกระบวนการขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะมีการส่งพนักงานไปอบรมหลักการบริการเพิ่มเติม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน