ทนายตั้ม แจ้งความ อดีตรองนายก ย. ลั่น คดีไม่พลิกแน่นอน ท้า เปิดภาพพิธีสู่ขอ แฉ อีกฝ่าย พยายามฟอกตัว แอบหย่าเมีย ก่อนแถลงข่าว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ม.ค.2566 ที่สน.บางยี่ขัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พร้อมด้วย นาย ก.(นามสมมติ) ลูกความ เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ในข้อหาแจ้งความเท็จและให้การเท็จ

ทนายตั้ม แจ้งความ อดีตรองนายก ย. ลั่น คดีไม่พลิกแน่นอน ท้า เปิดภาพพิธีสู่ขอ

ทนายตั้ม แจ้งความ อดีตรองนายก ย. ลั่น คดีไม่พลิกแน่นอน ท้า เปิดภาพพิธีสู่ขอ

นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้พานาย ก. มาแจ้งความดำเนินคดีกับ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ในข้อหาแจ้งความเท็จ และให้การเท็จ เนื่องจากมีหลายอย่างที่การแจ้งความไม่เป็นความจริง อย่างที่บอกกับทุกคนว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ได้ไปสู่ขอฝ่ายหญิง ทำพิธีหมั้นและให้สินสอด ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง เป็นการแต่งเติมข้อเท็จจริงเพื่อให้เข้าข้อกฎหมาย ว่าตัวเองสามารถเรียกคืนทรัพย์สินหรือสินสอดที่เคยให้กับฝ่ายหญิงได้ โดยอดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสมา 10 ปีแล้ว

นายษิทรา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่อ้างว่าได้ให้เงินไปซื้อคอนโด ตัวนาย ก. ได้ซื้อคอนโด มูลค่า 3 ล้านตั้งแต่ปี 62 แต่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. อ้างว่าซื้อให้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. เพิ่งรู้จักกับฝ่ายหญิงเมื่อปี 65 ดังนั้น อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคอนโดนี้แน่นอน

นายษิทรา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องเงินและทรัพย์สินต่าง ๆ ที่อ้างว่า ได้ให้ฝ่ายหญิงเกือบ 20 ล้าน ก็เป็นการอ้างลอย ๆ ไม่มีหลักฐานการโอนและการเบิกถอน แต่เชื่อว่าอาจจะเคยให้เงินจริง ในฐานะชู้รัก แต่ไม่ได้มากถึง 10 กว่าล้าน นอกจากนี้ ประเด็นที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. รู้จักกับฝ่ายหญิง สมัยเป็นแคดดี้ และให้เงินไปทำศัลยกรรม โดยทั้งคู่รู้จักกันมากว่า 10 ปีนั้นไม่เป็นความจริง ฝ่ายหญิงอายุ 25 ปี หากย้อนกลับไป 10 ปี ฝ่ายหญิงก็มีอายุ 15 ปี ซึ่งเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

“หลังจากที่เปิดเรื่องไปวันที่ 7 ม.ค. และจะแถลงข่าวในช่วงเวลา 10.00 น. ในวันที่ 9 ม.ค. อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ได้ใช้เล่ห์กล ในการจะขอคืนทรัพย์สิน โดยการทำตัวเองให้โสด เพื่อให้สามารถแจ้งความและฟ้องร้องในคดีต่าง ๆ ได้ ก่อนแถลงข่าว 1 ชั่วโมง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ได้ไปทำเรื่องหย่ากับภรรยาที่ว่าการอำเภอสามพราน จ.นครปฐม ในเวลา 08.53 น. ซึ่งก็ได้นำหลักฐานส่วนนี้มามอบให้กับพนักงานสอบสวนด้วย” นายษิทรา กล่าว

นายษิทรา กล่าวว่า ส่วนกรณีที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นขบวนการตบทรัพย์ และตนก็รู้เห็นกับขบวนการนี้ด้วย อยากชี้แจงส่วนนี้ว่า ตนไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมขบวนการดังกล่าว และนาย ก. เอง ก็ไม่ได้รู้เห็นกับขบวนการนี้ เนื่องจากว่าทันทีที่ทราบว่าฝ่ายหญิงนอกใจก็ขอหย่า โดยใช้กระบวนการกฎหมายทันที

นายษิทรา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การตบทรัพย์หมายถึง จะต้องไปขอ ไปคุยกันก่อน แต่กรณีดังกล่าว ตั้งแต่ทราบเรื่อง นาย ก. ไม่ได้คุยกับ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. เลย จึงไม่ใช่การตบทรัพย์ ประกอบกับฝ่ายชายทำธุรกิจส่วนตัวและมีฐานะอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้าร่วมขบวนบวนการดังกล่าว

นายษิทรา กล่าวต่อว่า ในส่วนครอบครัวฝ่ายหญิงที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงนั้น ด้านอดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. รู้อยู่แล้วว่าพ่อของฝ่ายหญิงมีคดีติดตัว จึงได้ไปแจ้งความจับครอบครัวของฝ่ายหญิงเพื่อให้ออกหมายจับ และตำรวจสั่งฟ้อง นั่นเป็นเพียงความเห็นเบื้องต้นเท่านั้น ตนจึงได้ทำเรื่องขอความเป็นธรรมกับอัยการแล้ว ดังนั้นจึงมองว่าคดีที่ขึ้นศาลไปแล้วก็มีสิทธิ์ยกฟ้องได้เช่นเดียวกัน

นายษิทรา กล่าวว่า หากเรื่องนี้ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ออกมาพูดความจริงอย่างลูกผู้ชาย เรื่องก็จะดีกว่านี้ แต่กรณีนี้ กลับมาโยงให้คนอื่นโดนคดีฉ้อโกงคนอื่นให้เข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมกับขอท้า ถ้าหากมีพิธีสู่ขอจริงให้ปล่อยรูปในงานออกมาโชว์เลย เนื่องจากว่าฝ่ายชายมีพฤติกรรมชอบถ่ายรูปกับฝ่ายหญิงเพื่อโอ้อวดอยู่แล้ว ประกอบกับฝ่ายชายก็เป็นคนใหญ่คนโต จะต้องมีผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายไปร่วมงาน ดังนั้นจึงคิดว่าถ้าหากมีพิธีดังกล่าว จะต้องมีการถ่ายรูปแน่นอน

นายษิทรา กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมฝ่ายหญิงถึงชอบถ่ายรูปลับเอาไว้ เป็นการถ่ายเพื่อมาแบล็คเมล์ภายหลังหรือไม่ หลักฐานที่ตนมียืนยันได้ว่า เป็นการถ่ายภาพลับแล้วส่งให้กันทั้งสองฝ่าย รวมถึงประเด็นที่ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. อ้างว่าไม่ทราบว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว ตนก็มีหลักฐานแชทไลน์ชัดเจนว่า อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ทราบดีว่าฝ่ายหญิงมีสามีอยู่แล้ว

นายษิทรา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่ตนได้ฟ้องร้อง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. ถึง 25 ล้านนั้น ไม่เป็นความจริง ตัวเลขไม่ได้สูงขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารู้สึกกังวล เพราะกลัวว่าอิทธิพลของฝ่ายตรงข้ามจะทำให้มีผลเกี่ยวกับรูปคดี เนื่องจาก อดีตรองนายกรัฐมนตรี ย. เป็นบุคคลระดับคนใหญ่ คนโต ที่ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว แต่ยืนยัน คดีนี้ไม่พลิกแน่นอน อ่านข่าว : พรุ่งนี้มีเซอร์ไพรส์! ทนายตั้ม สวนกลับอดีตรองนายกฯ ลั่นใครกันแน่ทำเป็นขบวนการ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน