ศพแรงงานไทยหนีไปทำงานเกาหลีถึงบ้านเกิดแล้ว ญาติจัดเตรียมสถานที่ตั้งศพที่บ้านจ.บุรีรัมย์ ขณะลูกสาวทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเสาหลัก ทั้งแม่ยังต้องแบกรับภาระหนี้สินอีกกว่า 2 แสน วอนภาครัฐหาทางช่วยเหลือ

กรณีนายวันสิน บุญกลาง อายุ 40 ปี หนุ่มแรงงานชาว ต.ห้วยสำราญ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ที่ผูกคอเสียชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังจากนายหน้าซึ่งติดต่อกันทางเฟซบุ๊ก ชักชวนให้หนีทัวร์ไปค้าแรงงานเถื่อนที่เกาหลีใต้ แต่ถูกทารุณกดขี่สารพัด ทั้งยังไม่ได้ค่าแรงอย่างที่คาดฝัน จึงเกิดความเครียด ต้องจบชีวิตด้วยการผูกคอตายอย่างไร้ญาติในต่างแดนนั้น

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงกรณีนี้ว่า กระทรวงต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต (สอท.) ณ กรุงโซล ว่า ศพนายวันสิน บุญกลาง อายุ 40 ปี เสียชีวิตด้วยการผูกคอตายใต้ต้นไม้บริเวณจุดขึ้นรถโดยสารเมืองมาซาน จังหวัดคยองนัม เมื่อเวลา 14.20 น. ของวันที่ 8 ก.พ. โดยศพของนายวันสินมาถึงประเทศไทยแล้ว โดยสายการบินไทย เที่ยวบินทีจี 657 ออกจากสนามบินอินชอน เวลา 21.25 น. วันที่ 14 ก.พ. ถึงกรุงเทพฯ เวลา 01.20 น. วันที่ 15 ก.พ. โดยก่อนหน้านี้จากข้อมูลที่ได้รับจากตำรวจเกาหลีใต้ นายวันสินเดินทางเข้ามาเพื่อหาทำงานอย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค.2560

สอท.ได้แจ้งทางครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ทราบทันทีในวันที่ 9 ก.พ. และทางภรรยาได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ สอท.ดำเนินการจัดส่งศพกลับประเทศไทยเพื่อบำเพ็ญบุญกุศลต่อไป นอกจากนี้ชุมชนชาวไทยในเกาหลีใต้ ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือผ่านทางเฟซบุ๊กของญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งจะมอบเงินให้แก่ภรรยา เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการนำศพกับประเทศต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ครอบครัวและญาติพี่น้องเร่งช่วยกันจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพของนายวันสิน กลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน เบื้องต้นทางญาติยังไม่กำหนดว่าจะทำพิธีสวดอภิธรรมกี่วัน และจะฌาปนกิจวันไหน

น.ส.อมาวศรี บุญกลาง อายุ 16 ปี ลูกสาวคนโตของนายวันสิน หนุ่มแรงงานที่ผูกคอเสียชีวิต กล่าวว่า ยังทำใจไม่ได้ที่ต้องสูญเสียเสาหลักไปอย่างกะทันหัน สงสารพ่อที่ต้องไปจบชีวิตที่ต่างประเทศแบบไร้ญาติ หากเป็นไปได้ ไม่อยากให้พ่อกับแม่ไปตั้งแต่แรก หลังจากพ่อเสียชีวิตก็ต้องขาดเสาหลัก อีกทั้งแม่ยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่กู้ยืมเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายเดินทางไปทำงานที่เกาหลีกอีกกว่า 2 แสนบาท ตนในฐานะลูกคนโตก็อยากแบ่งเบาภาระช่วยแม่ แต่ไม่รู้จะทำยังไง จึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐหาแนวทางช่วยเหลือ ทั้งเรื่องค่าจัดการศพของพ่อ และช่วยหางานให้แม่และตนเองทำ จะได้มีเงินไปใช้หนี้สินและส่งเสียน้องอีก 2 คนเรียนหนังสือ

นางพรศิตา จันทะคัด อายุ 46 ปี พี่สาวภรรยาของนายวันสิน กล่าวว่า เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและอยากให้กรณีของนายวันสิน เป็นอุทาหรณ์กับคนที่คิดจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ควรคิดให้รอบคอบ หากจะไปก็ควรไปให้ถูกต้องโดยผ่านกรมการจัดหางาน ไม่ควรไปแบบผิดกฎหมาย เพราะไม่คุ้มกับความเสี่ยงหรือผลกระทบที่จะได้รับ

ที่ผานมาตนเองเคยคิดอยากจะไปทำงานต่างประเทศ เพราะเห็นคนในหมู่บ้านไปแล้วส่งเงินกลับมาให้ทางบ้านเดือนละหลายหมื่นบาท บางคนมีเงินกลับมาสร้างบ้านหลังใหญ่โต มีฐานะดีขึ้น แต่พอมาเจอแบบนายวันสิน ถูกกดขี่สารพัดจนต้องฆ่าตัวตาย ก็รู้สึกกลัว และไม่คิดอยากจะไปแล้ว

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานจัดหางานจังหวัด พบว่า สถิติปี 2560 มีชาวบุรีรัมย์ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ ผ่านขบวนการจัดหางานและไปแบบถูกต้อง มีจำนวน 599 คน ส่วนที่ไปแบบผิดกฎหมายยังไม่มีข้อมูล แต่คาดว่าน่าจะมีจำนวนมาก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน