เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพรามณกุล รองผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า ศาลนัดให้นายเปรมชัยรายงานตัวในวันที่ 26 มี.ค. ไม่ใช่การขอเลื่อนรายงานตัว แต่ศาลเห็นว่าศาลจังหวัดทองผาภูมิอยู่ไกลเดินทางลำบาก จึงนัดให้นายเปรมชัย กับพวก รายงานตัวผัดฟ้องครั้งที่ 4 คือวันที่ 26 มี.ค. หากไม่เดินทางมาตามนัดก็จะริบเงินประกันและออกหมายจับ

ส่วนนายเปรมชัยจะเดินทางมาหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ แต่จากการตรวจสอบของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังไม่พบรายชื่อนายเปรมชัย เดินทางหลบหนีออกนอกประเทศ สำหรับการตรวจพิสูจน์ว่านายเปรมชัย เป็นคนยิงเสือดำหรือไม่นั้น ตนเห็นว่าไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ เนื่องจากในทางกฎหมายแล้วเพียงแค่ลักลอบนำอาวุธปืนขึ้นไปบนอุทยานฯก็ถือว่ามีความผิดแล้ว ยืนยันผู้ต้องหาทั้ง 4 คน มีความผิดร่วมกันชัดเจนและมีอัตราโทษเท่ากันไม่ว่าบุคคลใดจะเป็นคนยิงก็ตาม โดยคดีนี้มั่นใจว่าอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องแน่นอน

พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวถึงกรณีตรวจสอบการรุกป่า 6 พันไร่ ว่า จากข้อมูลพบว่า บริษัท ซีพีเค เคยได้รับสัมปทานเช่าพื้นที่นี้เมื่อปี 2552-2556 แต่หลังจากนั้นมีการยกเลิกสัมปทาน และยื่นเอกสารสิทธิ์ในการครอบครองแทน ซึ่งไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้จากหลักฐานเบื้องต้นไม่พบว่านายเปรมชัยมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะการครอบครองกระทำในนามนิติบุคคล อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจได้แจ้งปปง.ให้ตรวจสอบเส้นทางการเงิน เนื่องจากเป็นการบุกรุกป่าเพื่อการค้า

ด้าน พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) กล่าวว่า ผลการตรวจพิสูจน์หาคราบเขม่าดินปืนในรถยนต์ของนายเปรมชัย ไม่พบคราบเขม่าดินปืนแต่อย่างใด จากการตรวจสอบเป็นอาวุธปืนลูกซอง และยิงตรงจุดสำคัญคือบริเวณหัวของเสือดำ สอดคล้องกับอาวุธปืนของนายเปรมชัย ส่วนซากเสือดำจากการตรวจสอบพบว่า ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าบริเวณส่วนหัว และส่วนอื่นๆหลายนัด

“สำหรับการตรวจสอบอาวุธปืน ลูกกระสุนปืน หลายรายการที่ตรวจค้นได้ที่บ้านของนายเปรมชัย ว่ามีการนำไปก่อเหตุในพื้นที่ไหนมาก่อนหรือไม่ เพราะหลายปีที่ผ่านมามีการใช้อาวุธปืนไรเฟิลยิงสัตว์ป่า และขณะนี้กองพิสูจน์หลักฐาน 7 ได้ประสานขอลูกกระสุนปืนไรเฟิลที่ตรวจยึดได้ ไปตรวจเทียบเคียงกับหัวกระสุนปืนไรเฟิลที่พบในซากช้างป่าที่ถูกยิงบริเวณอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ว่าเป็นกระบอกเดียวกันหรือไม่ โดยคาดว่าจะทราบผลภายใน 3 วัน เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้ เพราะเก็บหลักฐานไว้ ถึงแม้ว่าซากช้างจะไม่อยู่แล้ว แต่ทุกครั้งที่ช้างถูกยิง เจ้าหน้าที่จะเก็บลูกกระสุนไว้เป็นหลักฐาน ในกรณีนี้ตำรวจเพียงสงสัย เพราะตรวจพบว่าเป็นอาวุธที่มีขนาดเดียวกัน ตอนนี้เป็นเรื่องของการสงสัยเท่านั้น ยังไม่มีข้อมูลว่านายเปรมเดินทางไปในห้วงเวลาที่ช้างถูกยิงหรือไม่ เป็นการเปรียบเทียบเชื่อมโยง จึงต้องพิสูจน์ทราบ” พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน