ชูวิทย์ ควง ทนายอนันต์ชัย ขึ้นศาล ฮึ่มฟ้อง ทนายตั้ม 100 ล้านบาท ซัดแรงใครลอบกัด กูไม่กลัว เตรียมเปิดบิ๊กเซอร์ไพร์สวันที่ 28 มี.ค.นี้

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 27 มี.ค.2566 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดา ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ยื่นฟ้อง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ในข้อหาแจ้งความเท็จ อันเกี่ยวกับความผิดทางอาญาที่มิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น, สร้างพยานหลักฐานเท็จ และหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

จากกรณีที่นายสันธนะ กล่าวหาว่าที่โรงแรมเดอะเดวิส คอนเนอร์วิงค์ ซอยสุขุมวิท 24 แขวงคลองตัน เขตคลองเตยของบุตรชายนายชูวิทย์ เป็นแหล่งมั่วสุมเสพยาเสพติดของนักเที่ยว มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จโดยการแอบถ่ายและนำคลิปวิดีโอไปแจ้งความกับตำรวจ สน.ทองหล่อ ซึ่งพยานหลักฐานดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้ชื่อเสียงของโรงแรมและนายชูวิทย์เสื่อมเสีย วันนี้ถึงมายื่นฟ้องนายสันธนะ โดยมี บริษัท ต้นตระกูล จำกัด เป็นโจทก์ที่ 1 และมีนายชูวิทย์ เป็นโจทก์ที่ 2

โดยวันนี้นายชูวิทย์ เดินทางมากับ นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ ซึ่งนัดนี้เป็นการไต่สวนมูลฟ้องครั้งที่2

ชูวิทย์ ควง ทนายอนันต์ชัย ขึ้นศาล ฮึ่มฟ้อง ทนายตั้ม 100 ล้านบาท ซัดแรงใครลอบกัด กูไม่กลัว

ชูวิทย์ ควง ทนายอนันต์ชัย ขึ้นศาล ฮึ่มฟ้อง ทนายตั้ม 100 ล้านบาท ซัดแรงใครลอบกัด กูไม่กลัว

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า กรณีที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ออกมาแถลงข่าว เรื่องที่นายชูวิทย์รับเงินสีเทานั้น เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ได้โทรมาขอร้องให้ตนช่วยทำคดีฟ้องทนายตั้ม จากการพิจารณาเบื้องต้น เข้าข่าย 3 ประเด็น อย่างแรก พฤติกรรมดังกล่าว เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาหรือไม่ จะต้องดูที่พฤติกรรม ตอนนี้นายชูวิทย์กำลังเปิดโปงขบวนการคอรัปชั่น และทุนจีนสีเทา แต่กลับถูกออกมาแฉ มองว่าบุคคลเหล่านั้นมีส่วนได้ส่วนเสียหรือไม่ ทั้งที่ไม่มีประจักษ์พยาน เป็นเพียงแค่พยานที่กล่าวอ้างเท่านั้น

ทนายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า การที่ทนายตั้มเอารูปที่ถ่ายแค่ถุงเงินมานั้นเป็นการแบล็กเมล์ เพราะไม่มีรูปนายชูวิทย์รับเงิน ส่วนจำนวนเงินที่อ้างว่า 10 ล้านบาท ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นจำนวนเงินที่แท้จริงเท่าไหร่ อาจจะถูกดึงไประหว่างทาง แต่ยืนยันว่านายชูวิทย์ได้รับมาเพียง 6 ล้านบาท ซึ่งตอนนั้นนายชูวิทย์ก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่รับคืน จึงนำเงินไปทำบุญ








Advertisement

ทนายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ 2 พฤติกรรมของทนายตั้ม มีผิดมรรยาททนายความ เพราะมีการแถลงข่าวที่คลาดเคลื่อน ไม่มีหลักฐาน แต่เป็นการยกข้อมูลขึ้นมาลอย ๆ ซึ่งนายชูวิทย์จะไปร้องสภาทนายความให้ตรวจสอบ

ทนายอนันต์ชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นที่ 3 กรณีที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ โฆษกกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ผู้บริหาร ปปง. ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การนำเงินของนายชูวิทย์ไปบริจาคอาจเข้าข่ายการฟอกเงิน ซึ่งตนมองว่าไม่ควรให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำแบบนั้น ควรจะให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หรือรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิด ม.157 และ ม.200

ทนายอนันต์ชัย กล่าวต่อว่า หลังจากนี้จะไม่ให้นายชูวิทย์ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ทนายตั้มอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะว่ากลัว แต่เพื่อจะได้ไม่เสียรูปคดี และขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามขบวนการยุติธรรม ถ้าหากทนายตั้มมีการพูดพาดพิงนายชูวิทย์อีก ก็จะฟ้อง กรรมละ 100 ล้านบาท

ด้าน นายชูวิทย์ กล่าวว่า ขอพูดสั้น ๆ อาชีพทนายความ ต้องมีความรู้ ความสามารถ ใช้กฎหมาย ต้องใช้หลักฐาน ไม่ใช่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือ เมื่อมีคนเดือดร้อนเงิน ก็คิดเงินค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท ตนไม่คิดว่าทนายความจะคิดเงินค่าแถลงข่าวขนาดนี้ อยากให้สมาคมทนายความ และสื่อมวลชนจะพิจารณา ส่วนเงินบริจาค 6 ล้านบาท ที่ทั้ง 2 โรงพยาบาลให้คืนกลับมานั้น อยากให้ติดตามว่าวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.66) จะเอาไปให้ใคร

นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีกระบวนการพยายาม ที่จะมาปิดปากตนไม่ให้พูด มีทั้งทนาย พวกหิวแสง ใครฟ้องมาตนก็จะฟ้องกลับพร้อมสู้ทุกทาง เวลาสู้ก็จะไม่ถอยเหมือนกัน อยากฝากไปบอกหมาลอบกัด ตนพร้อมจะกัดตอบ “กูไม่กลัวมึง”

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน