เปิดโหวตต่อเนื่อง โพลเลือกตั้ง ’66 รอบแรก มติชนXเดลินิวส์ ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งคำถามเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีและจะสนับสนุนพรรคใดในการเลือกตั้ง 2566
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเปิดโหวตโพลสองสื่อสำคัญของประเทศ “มติชน x เดลินิวส์ เลือกตั้ง ’66” ในรอบที่ 1 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่วันเสาร์ที่ 8 เม.ย. ปรากฏว่าได้รับความสนใจจากประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมโหวตครั้งประวัติศาสตร์ชี้อนาคตการเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งคำถามหัวข้อที่ 1 ท่านจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566 ตามด้วยคำถามหัวข้อที่ 2 ท่านจะสนับสนุนพรรคการเมืองใดในการเลือกตั้ง 2566
สำหรับวันจันทร์ที่ 10 เม.ย. เป็นวันที่สามของการโหวตโพลรอบแรก จากข้อมูลของทั้งสื่อเครือมติชน ได้แก่ มติชน ข่าวสด ประชาชาติธุรกิจ มติชนสุดสัปดาห์ มติชนทีวี รวมกับเดลินิวส์ ณ เวลา 15.00 น. พบว่าตัวเลขอัตราการเข้าถึงการโปรโมตเพื่อทำโพล หรือยอดรีช (Reach) การโปรโมตโพล ทั้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์และโซเชี่ยลมีเดีย มีรวมกันมากกว่า 285,000 รีช
ขณะที่ยอดจำนวนผู้ร่วมกดโหวตทำโพลผ่านเว็บไซต์ https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/ ของเครือมติชน และ https://www.dailynews.co.th/election-2566/poll/ ของเดลินิวส์ ตั้งแต่วันที่ 8-10 เม.ย.มีรวมกันมากกว่า 51,100 ราย ทั้งนี้ ประชาชนผู้สนใจยังสามารถเข้าไปโหวตผ่านเว็บไซต์ทั้งสองเว็บดังกล่าวได้อย่างต่อเนื่องทุกวันจนกว่าจะมีการประกาศปิดโพลรอบแรก
รศ.ตรีเนตร สาระพงษ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวว่า การทำโพลจะน่าเชื่อถือหรือไม่ ผู้จัดทำถือว่ามีส่วนสำคัญ โดยเฉพาะความเป็นอิสระของคนทำโพลเพื่อป้องกันการทำการตลาดทางการเมือง ซึ่งความร่วมมือทำโพลระหว่างมติชนกับเดลินิวส์มีภาพเด่นในแง่ความเป็นอิสระ มีความครอบคลุม ในฐานะฐานของประชากรของทั้งสองค่ายจะเสพข่าวไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ทำให้ในแง่กลุ่มตัวอย่างมีขนาดใหญ่เพียงพอและครอบคลุม เพราะผู้ตอบแบบสอบถามย่อมต่างคนต่างตอบ ต่างมีวิถีชีวิตและรสนิยมในการเสพข่าวที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม อาจต้องพิจารณาช่องทางการเข้าถึงของกลุ่มตัวอย่างที่ได้ซึ่งอาจมีเพียงผู้ใช้โซเชี่ยลมีเดียอย่างเดียว แต่ไม่ครอบคลุมประชากรทั้งหมดที่มีข้อจำกัดการเข้าถึงช่องทางการโหวต
“ส่วนคำถาม แน่นอนว่าคำถามที่มีอยู่ไม่ว่าจะเป็นคำถามถึงความตั้งใจที่จะออกมาเลือกตั้ง หรือคำถามที่ว่าจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมทำให้สามารถนำมาพยากรณ์ทิศทางการเมืองได้ อย่างไรก็ตาม นอกจากจะสอบถามถึงความชื่นชอบในตัวบุคคลแล้ว หากจะเพิ่มถึงเหตุผลถึงความชื่นชอบนโยบายที่พรรคการเมืองประกาศออกมาซึ่งมีเรื่องปากท้อง กับเรื่องโครงสร้างของประเทศด้วยก็จะยิ่งทำให้เห็นนัยทั่วไปของประชากรในมิติที่ว่าประชาชนต้องการอะไร อีกทั้งการที่มติชนและเดลินิวส์จะนำเอาผลโพลมาทำข่าวขยายความต่อก็ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะแน่นอนว่าผลโพลหากตกอยู่ในมือนักการเมืองก็จะมีการหยิบฉวยเอาเฉพาะสิ่งที่ตนได้ประโยชน์มาทำการสื่อสารแบบความจริงครึ่งเดียว ดังนั้น การขับเคลื่อนต่อโดยนำผลการศึกษาในทุกมิติจึงเป็นเครื่องป้องกันจุดเปราะบางของการใช้ประโยชน์ได้” รศ.ตรีเนตรกล่าว
นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้บริหารบริษัทสยาม ไอ.ที.ทัวร์ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้มีพรรคอยู่ในใจ 4 พรรค คือ พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคภูมิใจไทย ตามลำดับ เนื่องจากวิสัยทัศน์และนโยบายตรงใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูนโยบายบางพรรคที่อยากได้ฟังได้ยินว่ามีอะไรบ้าง ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐเชิญไปฟังปราศรัยวิสัยทัศน์และนโยบายดังกล่าวพร้อมตอบคำถามข้อสังสัยต่างๆ ถือเป็นพรรคลำดับที่ 5 ที่เชิญไปพูดคุย พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมืองก่อนตัดสินใจไปหย่อนบัตรเลือกตั้งเพื่อเลือกนายกฯ ที่ใช่ พรรคที่ชอบต่อไป ส่วนโพลครั้งหน้าของมติชนและเดลินิวส์อยากให้สำรวจความคิดเห็น 3 เรื่อง คือ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาฝุ่นควัน และการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อให้พรรคการเมืองเสนอนโยบายแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่นโยบายเฟ้อฝันแต่ทำไม่ได้เมื่อเข้าไปเป็นรัฐบาล ถือว่าประชาชนและประเทศเสียโอกาสแก้ปัญหาดังกล่าวมากขึ้น
“นอกจากนี้นโยบายส่งเสริมการค้า ลงทุน และท่องเที่ยว ต้องมีกฎหมายปกป้องคุ้มครองนักลงทุนในประเทศและท้องถิ่นด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนเพื่อครอบงำเศรษฐกิจและสังคมไทย โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่ใช้นอมินีกว้านซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ อยากให้รัฐบาลใหม่มีมาตรการตรวจสอบเข้มงวด โดยเปลี่ยนจากทุนสีเทาเป็นทุนสีขาวทั้งหมดเพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม เท่าเทียมกันทุกฝ่าย ที่สำคัญประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง เศรษฐกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า ประเทศเกิดความมั่นคง เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ไม่ถูกแทรกแซงจากต่างชาติได้ง่าย” นายพัลลภกล่าว
นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และนายกสมาคม อบจ.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่มติชน เดลินิวส์ จัดแคมเปญทำโพลการเลือกตั้ง โดยในส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ประชาชนจะได้แสดงความคิดเห็นและได้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่ชื่นชอบผ่านทางโพล อีกทั้งผลการทำโพลยังได้สะท้อนสิ่งที่ประชาชนอยากรู้ ถือเป็นเรื่องดีและสนับสนุนให้โพลแบบนี้ต่อไป เพราะมาจากความคิดเห็นของประชาชนโดยตรงและน่าเชื่อถือ ทำให้ได้เห็นมุมมองความคิดเห็นของประชาชนต่อการเลือกตั้งว่าอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีมาบริหารประเทศต่อไป
นายวรวุฒิ อ้นอารี นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ผู้จัดการใหญ่ในเครือโครงการ มิราเคิ้ลไฟว์ เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างมติชนและเดลินิวส์ถือเป็นเรื่องที่ดี ทำให้มีความหลากหลายในความคิดเห็นในมุมมองต่างๆ รวมทั้งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญจากโพลที่มีการแสดงความคิดเห็นจากบุคคลในสาขาอาชีพต่างๆ สร้างแนวคิดให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมาก และทำให้นักการเมืองได้มองเห็นทั้งความดีและความบกพร่องในการกล่าวนโยบายของแต่ละคน แต่ละพรรค ซึ่งประชาชนต้องการผู้ที่จะเข้ามาบริหารประเทศมีความจริงใจกับประเทศชาติ กับประชาชน มองเศรษฐกิจภาพรวมให้ดีกว่านี้ มองรากหญ้าปากท้องประชาชน สร้างอาชีพแบบยั่งยืน ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และเศรษฐกิจดี
นายวรวุฒิกล่าวต่อว่า ด้านการแข่งขันการเมืองนั้นเมื่อผ่านการเลือกตั้งแล้วควรจะหยุดการขัดแย่งกันด้านการเมือง เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยตกต่ำกว่าหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน ควรหันมาร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจ พัฒนาประเทศให้ก้าวไปในทางที่ดีกว่าที่ผ่านมา เพราะโรคระบาดโควิด-19 ก็ทำให้ประเทศย่ำแย่พอแล้ว ส่วนผู้ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีอยากให้เข้ามาพัฒนาด้านเศรษฐกิจให้ดีขึ้นกว่านี้ การสร้างอาชีพให้กับประชาชนแบบยั่งยืน เพราะประเทศชาติจะมั่นคงขึ้นอยู่กับปากท้องของประชาชน
ทั้งนี้ ประชาชนผู้สนใจร่วมโหวตโพลเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ มติชนXเดลินิวส์ เลือกตั้ง 66 รอบที่ 1 สามารถร่วมโหวตได้ผ่านลิงก์ https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/ รวมถึงสแกนโหวตผ่านคิวอาร์โค้ดบนหน้าหนังสือพิมพ์ มติชน ข่าวสด รวมถึงสื่อในเครือมติชน
#โหวตอนาคต #โพลเลือกตั้งมติชนเดลินิวส์ #เลือกตั้ง66 #มติชนเลือกตั้ง66