ตร.ฟันเมาขับ ซูโม่ตุ๋ย ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ หลังเสยท้ายรถสาวจอดติดไฟแดง ก่อนเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พบมีอาการคล้ายคนเมา เจ้าตัวปฏิเสธ
วันที่ 21 เม.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เหตุการณ์ที่ซูโม่ตุ๋ย หรือ นายอรุณ ภาวิไล หรือซูโมตุ๋ย ดารานักแสดง และผู้กำกับชื่อดัง ที่กำลังอยู่ในอาการเอะอะโวยวายอยู่บนโรงพัก โต้เถียงกับตำรวจ บอกว่าตัวเองไม่เมา และไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล
ล่าสุดมีรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ชรัณยภัทร ผู้เสียหาย กำลังขับรถยนต์ทะเบียน 9กญ-9434 กทม มาตามถนนพญาไท จากแยกพญาไทมุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ก่อนเข้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ได้จอดรถรอสัญญาณไฟแดงอยู่ในช่องการจราจรช่องที่ 2 จากซ้าย
ขณะจอดอยู่นั้น จู่ๆมีรถยนต์ ทะเบียน 6กฮ-8006 กทม. โดยมีนายอรุณ เป็นคนขับซึ่งขับขี่ตามหลังมาในช่องทางเดียวกันไม่สามารถหยุดรถได้ทันทำให้ด้านหน้าของรถยนต์นายอรุณชนท้ายรถยนต์ของน.ส.ชรัณยภัทร ได้รับความเสียหาย และไม่สามารถตกลงกันได้ คู่กรณีทั้งสองฝ่ายจึงได้พากันมาพบพนักงานสอบสวน
อ่าน ซูโม่ตุ๋ย โวยลั่นโรงพัก ไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ยื้อตั้งแต่ตี3ยัน8โมง อ้างอีกคนขับ
จากการสอบสวนปากคำคู่กรณีทั้งสองพบว่า นายอรุณมีลักษณะอาการคล้ายคนเมาสุราหรือมึนเมาอย่างอื่น พูดจาวกไปวนมา โวยวายพูดจากไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้สั่งให้คู่กรณีทั้ง2 ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮล์จากลมหายใจ ด้วยเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ชนิดพกพา ซึ่ง นางสาวชรัณยภัทรยินยอมสมัครใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจวัดประมาณแอลกอฮอล์ด้วยดี วัดปริมาณแอลกอฮอล์วัดได้ 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น
แต่นายอรุณมีลักษณะอาการเมาสุราหรือมึนเมาอย่างอื่น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สั่งให้ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์จากลมหายใจหลายครั้งปฏิเสธฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานไม่ยอมตรวจวัดปริมาณแอลกอฮล์จากลมหายใจ(ไม่ยอมเป่าแอลกอฮลล์)ซึ่งเป็นกรณีผู้ขับขี่ที่ฝ่าฝืนไม่ยอมเป่าแอลกอฮอล์ ตามกฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นขับขี่รถในขณะเมาสุรา หรือของมึนเมาอย่างอื่นหย่อนความสามารถ ในอันที่จะขับรถ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งสิทธิตามกฎหมาย และแจ้งข้อกล่าวหาให้ นายอรุณ ภาวิไล ผู้ขับขี่รถยนต์ ทะเบียน 6กฮ-8006 กทม ทราบว่า “เป็นผู้ขับขี่ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถอื่นได้รับความเสียหาย ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานที่สั่งให้มีการทดสอบปริมาณแอลกอฮอล์”จับกุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้ถูกจับทราบข้อกล่าวหาแล้วให้การ ปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา
