‘วิโรจน์’ ควงสหพันธ์ขนส่งทางบก นำข้อมูลส่วยสติ๊กเกอร์มอบจเรตำรวจ เผยค้าสำนวนรถบรรทุกน้ำหนักเกิน พัวพันถึงอัยการ เร่งตรวจสอบให้แล้วเสร็จในครึ่งเดือน

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.66 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เข้าพบ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เพื่อให้ข้อมูลและเอกสารเกี่ยวกับส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกทั่วประเทศ

นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า นำข้อมูลเบาะแสที่รวบรวมจากพลเมืองดีและของสหพันธ์ฯ มามอบให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบว่า ข้อมูลที่ตำรวจและของพวกตนมีนั้นครบถ้วนและตรงกันหรือไม่ ซึ่งไม่มีความกังวลใด เพราะได้รับการประสานงานที่ดีทั้งคณะทำงานจเรตำรวจและตำรวจสอบสวนกลาง

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่พวกเรานำมานั้นเป็นเบาะแสปลายทาง ซึ่งการขยายผลเชิงลึกจะต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีและกำลังตามท้องที่ จะมีประสิทธิภาพกว่า

“เชื่อว่าตำรวจมีข้อมูลเชิงลึกและไกลกว่าที่พวกผมมีแล้ว ส่วนตัวก็คาดหวังว่าการหารือในวันนี้ จะทำให้การเรียกรับผลประโยชน์จะต้องหมดไป และปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์อื่นๆ เช่น โรงโม่หิน บ่อดิน บ่อทราย ผู้ค้าขายหินทราย ซึ่งสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกดำเนินคดี และยึดใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(ร.ง.4)” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า ยังมีประเด็นเรื่องการค้าสำนวนของพนักงานสอบสวนบางคน ที่ทำสำนวนเรียกรับผลประโยชน์ เช่น รถบรรทุกบางคัน บรรทุกน้ำหนักเกินเพียง 100-200 กิโลกรัม คนทั่วไปคงเข้าใจได้ว่า ไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย เพราะน้ำหนักจะเกิน แต่ละครั้งต้องเกินเป็นตัน

แต่พนักงานสอบสวนบางคนนำไปใส่ในสำนวนเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ และสร้างสัญญาเช่าเท็จ จากคนขับรถเปลี่ยนเป็นคนเช่ารถ เพื่อให้รถไม่ต้องถูกยึด และเรื่องนี้ยังพัวพันไปถึงอัยการบางคน เช่น การที่คดีความไปถึงศาลชั้นต้น พิพากษาโทษปรับ แต่อัยการยังยื่นอุทธรณ์เพื่อให้รถโดนยึด

และยังมีรถบรรทุกน้ำหนักเกินเป็นตัน ก็มีอภินิหารให้โดนเพียงโทษปรับได้ มองว่ารถคันหนึ่งราคาเป็นล้านบาท หากโดนยึดเพราะบรรทุกน้ำหนักเกินเพียงไม่กี่กิโลกรัมอาจไม่เป็นธรรม จึงต้องไปตรวจสอบกฎหมายและแก้ไข แต่จะเหมารวมผู้ประกอบการว่าทำผิดกฎหมายทั้งหมดไม่ได้ เพราะหลายคนก็อยู่ในภาวะจำยอมต่อสภาพเพราะมีระบบแบบนี้เกิดขึ้น

ด้าน นายอภิชาติ กล่าวว่า สหพันธ์ฯ มีข้อตกลงร่วมกันกับสมาชิกคือจะไม่ทำผิดกฎหมาย หากพบสมาชิกรายใดทำผิดก็จะขับไล่ออกจากสหพันธ์แน่นอน ส่วนกรณีที่ผู้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสหพันธ์นั้น ตนอยากให้มาพบเพื่อพูดคุยกัน เพราะระบบส่วยฝังรากลึกมานาน จะเหมารวมว่าทุกคนทำผิดไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน

โดยวันนี้ส่งข้อมูลให้จเรมาดูว่า มีข้อผิดพลาดใดหรือไม่ ยืนยันไม่มีนัย เพราะได้ต่อสู้มาถึง 20 ปีแล้ว ทั้งนี้มองว่าเจ้าหน้าที่ต้องมีความจริงจังในการแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีจเรตำรวจมารับเรื่องเช่นนี้ พร้อมยังรับปากว่าจะแก้ไข โดยเราก็พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ร่วมกัน

นายอภิชาติ กล่าวถึงกรณีการจับกุมรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนด้วยว่า ไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องส่วยสติ๊กเกอร์ครั้งนี้ เพราะรถบรรทุกในประเทศไทยมี 1 ล้าน 5 แสนคัน แต่สมาชิกสหพันธ์มีเพียง 1 ใน 3 ส่วน และไม่สามารถไปดึงคนอื่นเข้ามาร่วมได้ เพราะสหพันธ์เรามีข้อตกลงร่วมกัน แต่บางบริษัทหรือหน่วยงานอื่น อาจมีความจำเป็นต้องทำผิดกฎหมายเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ

พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า หลังได้รับข้อมูลแล้วคณะทำงานของจเรตำรวจและตำรวจสอบสวนกลาง จะนำไปตรวจสอบว่าการพาดพิงไปถึงผู้ใดบ้าง พร้อมนำข้อมูลที่ได้รับมาประกอบกัน โดยจะเร่งตรวจสอบภายใน 15 วัน ก่อนรายงานผลให้ทราบ ซึ่ง ผบ.ตร.สั่งกำชับให้ดูแลให้ดีที่สุด ให้ผู้กระทำผิดได้รับความเป็นธรรม

ส่วนตำรวจนายใดที่กระทำผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน เช่นเดียวกับกรณีภรรยารองผู้บังคับการตำรวจภูธรนครปฐม ที่มีข่าวว่าเป็นผู้ผลิตสติ๊กเกอร์ส่วย เบื้องต้นตอนนี้ยังไม่ทราบว่ามีตำรวจยศสูงกว่าระดับ พ.ต.อ.ทำผิดหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน