ศาลเเพ่ง สั่งคุก 1 เดือน ปรับ 500 บาท คดีละเมิดอำนาจศาล อดีต รปภ. เรียกเงินค่าที่จอดรถนักข่าวสาว ต้องโทษครั้งเเรกรอลงอาญา 1 ปี
วันที่ 20 ก.ค.2566 ที่ศาลเเพ่ง ถนนรัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา มีการรายงานพฤติการณ์เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำศาลแพ่ง เรียกรับผลประโยชน์ในการหาที่จอดรถยนต์บริเวณศาลแพ่ง
โดยผู้บริหารศาลแพ่ง รับทราบเรื่องดังกล่าวและมีคำสั่งให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที พร้อมตั้งสำนวนคดีเพื่อพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องละเมิดอำนาจศาล เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2566 ซึ่งมีผู้อำนวยการ สำนักอำนวยการประจำศาลแพ่ง เป็นผู้กล่าวหา เจ้าหน้าที่ รปภ.คนดังกล่าว เป็นผู้ถูกกล่าวหา ในคดีหมายเลขดำ ลศ.1/2566 นั้น
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธว่าได้รับโอนเงินจริงแต่เป็นการให้โดยเสน่หาเป็นสินน้ำใจ โดยศาลได้ดำเนินการไต่สวนเจ้าพนักงานตำรวจศาลที่ได้รับแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากหัวหน้าชุดรักษาความปลอดภัยประจำศาลแพ่ง ตัวผู้ถูกกล่าวหา และนักข่าวหญิงที่ถูกเรียกเงินในการหาที่จอดรถขณะเดินทางมาทำข่าวศาลอาญา
และวันนี้ (20 ก.ค.2566) ศาลแพ่ง นัดฟังคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลดังกล่าว เนื้อหาโดยสรุปว่า คดีมีปัญหาว่าผู้ถูกกล่าวหาได้เรียกรับเงินเพื่อเป็นค่าจอดรถโดยมิชอบอันเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลหรือไม่ เห็นว่า นักข่าวหญิงเบิกความยืนยันว่าผู้ถูกกล่าวหาขอเงินเป็นค่าตอบแทนที่จอดรถ โดยตนได้ต่อรองราคา
หลังจากโอนเงินให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาแล้วได้เล่าเรื่องให้นายโย่ง (บุคคลที่สาม) ฟังทันที และเมื่อทำข่าวเรียบร้อยแล้วได้เล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนนักข่าวฟังอีก และได้ให้นายโย่งกับเพื่อนนักข่าวถ่ายรูปสลิปการโอนเงินอีกด้วย และได้โพสต์ข้อความทันที หลังจากทำข่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ข้อเท็จจริงที่นักข่าวหญิงเบิกความมีรายละเอียดเป็นลำดับ ขั้นตอนต่อเนื่องกัน ประกอบกับมีสลิปการโอนเงินประกอบ ทั้งสอดรับกับคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจศาลด้วย จึงน่าเชื่อถือกว่าคำเบิกความของผู้ถูกกล่าวหาที่เบิกความเพียงลอย ๆ ว่า นักข่าวหญิงไม่มีเงินสดจึงโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ของตนเพื่อเป็นสินน้ำใจที่หาที่จอดรถให้
แต่ผู้ถูกกล่าวหาก็ไม่มีพยานอื่นมาเบิกความสนับสนุน ทั้งการให้สินน้ำใจโดยการโอนเงินเข้าบัญชีก็เป็นเรื่องที่ไม่ปกติ ซึ่งโดยปกติคนทั่วไปก็จะให้เป็นเงินสดหากไม่มีเงินสดเลยก็จะไม่ให้เลย คำเบิกความของผู้ถูกกล่าวหาจึงไม่น่าเชื่อถือ
ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาเรียกรับเงินโดยมิชอบจริง เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่มีสิทธิที่จะทำได้จึงถือว่าผู้ถูกกล่าวหาประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล จึงมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1), 33 ให้จำคุก 1 เดือนและปรับ 500 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยรับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
สำหรับ รปภ.คนดังกล่าว ปัจจุบันมิได้ปฏิบัติหน้าที่ประจำศาลแพ่งแล้ว โดยหลังเกิดเหตุศาลแพ่งและสำนักงานศาลยุติธรรม ดำเนินการตามขั้นตอนส่งตัวเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนดังกล่าว กลับคืนต้นสังกัดองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ อผศ. เนื่องจากผิดสัญญาจ้างเหมารักษาความปลอดภัยอาคารศาลและสถานที่ ประจำปีงบประมาณ 2566