‘ศรีสุวรรณ’ ร้อง ‘ผู้ว่าฯชัชชาติ’ ร้อง 5 ข้อ ปม ‘แอชตัน อโศก’ เอาผิดคนเซ็นอนุญาตก่อสร้าง จี้ตั้งคณะกรรมการเอาผิด ออกคำสั่งห้ามไม่ให้ใครใช้อาคาร

เมื่อวันที่ 4 ส.ค.66 ที่ศาลาว่าการกทม. นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เรื่องขอเร่งรัดแต่งตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาไต่สวน สอบสวน เอาผิดเจ้าหน้าที่ กทม.ทั้งหมดที่มีส่วนออกใบรับแจ้ง หรือหนังสืออนุญาตให้ก่อสร้างอาคารแอชตัน อโศก

ซึ่งศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเป็นที่สุดแล้วว่า เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมี นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกกทม. และนางรัชฎา คชานุบาล หัวหน้ากลุ่มงานรับเรื่องราวร้องทุกข์ ส่วนเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯกทม. เป็นผู้รับเรื่องแทน

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การออกใบรับหนังสือแจ้งเกี่ยวกับอนุญาตก่อสร้างฯ อาคารคอนโดแอชตัน อโศก มีถึง 4 ฉบับ ตั้งแต่ปี 2558 ถึง 2560 เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ย่อมจะต้องมีผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำหรือการใช้อำนาจดังกล่าว จะปล่อยให้เลยตามเลยหรือนิ่งเฉยต่อกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวมิได้ เพราะจะเกิดผลเสียต่อการบริหารราชการของกรุงเทพมหานครในอนาคต

ดังนั้นสมาคมฯจึงต้องมาร้องเรียนต่อผู้ว่าฯ กทม.เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 มาตรา 49(3) โดยมีข้อร้องเรียน 5 ข้อ ดังนี้

1.ขอให้ใช้อำนาจตามมาตรา 49(3) ของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2428 แต่งตั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญและหรือผู้ทรงคุณวุฒิที่หลากหลาย ซึ่งควรที่จะประกอบด้วยบุคลากรภายในและภายนอกกรุงเทพมหานคร เพื่อปฏิบัติราชการใดๆ ขึ้นมาชุดหนึ่ง

ตามที่ท่านเห็นสมควร เพื่อพิจารณาไต่สวน สอบสวน และลงโทษ พนักงานเจ้าหน้าที่ของกทม.ทั้งหมด ที่ออกใบรับหนังสือแจ้งเกี่ยวกับอนุญาตก่อสร้างฯ ทั้ง 4 ฉบับให้แก่ บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด หรือ บริษัท อันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด ผู้ร้องสอดเพื่อใช้ในการก่อสร้างอาคาร โครงการแอชตัน อโศก ซอยสุขุมวิท 21 เขตวัฒนา โดยต้องกำหนดระยะเวลาในการปฏิบัติราชการดังกล่าวที่ชัดเจนภายในระยะเวลาที่กำหนด

2.ขอให้ออกคำสั่งอย่างใดๆ เพื่อบังคับหรือปฏิบัติให้เป็นไปไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดคดีหมายเลขแดงที่ อส.188/2566 ลงวันที่ 19 ก.ค.66 โดยเคร่งครัด

3. กรณีที่เกิดขึ้นขอให้สั่งการให้หน่วยงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องออกหนังสือแจ้งให้บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด หรือ บริษัท อันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด เร่งดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้อง โดยต้องกำหนดระยะเวลาที่ให้บริษัทดังกล่าวปฏิบัติที่ชัดเจน ตามมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 โดยเร็ว

และหลังจากนั้นขอให้ออกคำสั่งห้ามมิให้บุดคลใดใช้หรือเข้าไปในส่วนใด (ของอาคารพิพาท หรือบริเวณอาคารพิพาทดังกล่าว และจัดให้มีเครื่องหมายแสดงการห้ามนั้นไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ บริเวณอาคารพิพาทดังกล่าว ตามมาตรา 40(2) ของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร 2522 โดยเร็ว

4.หากบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด หรือ บริษัท อันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด ไม่สามารถแสวงหาที่ดินของเอกชนเพื่อนำมาใช้เป็นทางเข้า-ออกอาคารพิพาทได้ตามระยะเวลาที่กำหนดแล้ว ขอให้สั่งการให้มีการบังคับใช้มาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร2522 โดยทันที

กล่าวคือ สั่งให้บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด หรือ บริษัท อันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารพิพาท ผู้ควบคุมงาน หรือดำเนินการ รื้อถอนอาคารพิพาทในส่วนที่ผิดกฎหมายออกไปเสียทั้งหมด ภายในระยะเวลาที่กำหนด

และหากไม่ดำเนินการขอให้กทม. ดำเนินการรื้อถอนเสียเอง โดยค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนทั้งหมดให้เรียกเก็บไปยังบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด หรือ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ทู จำกัด หรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารพิพาท ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ดำเนินการ ตามครรลองของกฎหมายต่อไป

และ 5.ขอคัดค้านข้อเสนอของบริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ที่เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรณีพิพาทดังกล่าว ผ่านสำนักการโยธา (สนย.) ไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย (มท.) ไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะจะถือได้ว่าเป็นการยืมมือภาครัฐในการเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจเอกชน โดยตรง

เป็นเรื่องที่ไม่ควรกระทำ แต่ถ้าไม่เชื่อฟังกันอาจต้องนำความไปร้องสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (สำนักงานป.ป.ช.) หรือศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน