เมื่อวันที่ 1 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นวันที่ 4 ที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมโกศ เบื้องหน้าพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท)

s__14205147

โดยบรรยากาศการเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ตั้งแต่เช้ามืด มีพสกนิกรจำนวนมากจากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ สวมชุดไว้ทุกข์มาปักหลักเพื่อรอเข้าคิวไปถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าทางประตูวิเศษไชยศรีอย่างเป็นระเบียบ ในเวลา 05.15 น. จากนั้น เปลี่ยนทางเข้าเป็นทางประตูมณีนพรัตน์ ถนนหน้าพระลาน ในเวลา 08.30 น. เนื่องจากวันนี้สำนักพระราชวัง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวันแรก โดยให้นักท่องเที่ยวเข้าทางประตูวิเศษไชยศรี ทั้งนี้ สำหรับผู้สูงอายุ และผู้พิการที่ต้องนั่งเข็นเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกให้เข้าตามเส้นทางเก่า ทางประตูวิเศษไชยศรี ต่อด้วยประตูพิมานชัยศรี ได้เหมือนเดิม

s__14205144

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่จัดแถวของประชาชนที่เข้ามาถวายสักการะพระบรมศพ ผ่านมาทางในพระบรมมหาราชวัง ฝั่งทิศเหนืออันเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนศาสนดาราม โดยจัดเป็นแถว 2 แถว ให้ประชาชนอยู่ในร่มเงาของระเบียงคด โดยตลอดเส้นทางประชาชนยังได้ชื่นชมความงดงามของจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ตลอดแนวของระเบียงคดของวัดพระศรีรัตนศาสนดาราม และเมื่อเดินมาถึงประตูศรีรัตนศาสดารามทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน ก็จะเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถว 5 แถว หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพื่อเข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สถานที่ประดิษฐานพระบรมศพ ทางประตูกำแพงแก้วฝั่งตะวันออก

s__14205145

ด้านพสกนิกรที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพ ยังพระที่นั่งดุสิตในพระบรมมหาราชวัง ทุกคนล้วนอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจกับการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยหลายคนนำพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงร.9 ที่อัญเชิญมาด้วย กอดไว้แนบอกตลอดเวลา ขณะที่สำนักพระราชวังนำภาพพระบรมโกศพระบรมศพขนาด 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ซึ่งพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานแก่พสกนิกรทุกคน ให้กับผู้ที่เข้าถวายสักการะพระบรมศพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

s__14205133

นางดรุณี บุญรอด วัย 66 ปี พสกนิกร จ.ปทุมธานี ที่มาพร้อมบุตรชายและหลานอีก 2 คน ที่มาถึงตั้งแต่ตี 3 เล่าถึงความรู้สึกหลังจากที่ได้ขึ้นไปสักการะพระบรมศพว่า ตื้นตันใจไม่คิดว่าตัวเองจะได้มีโอกาสขึ้นไปสักการะพระบรมศพ ที่ผ่านมาเห็นพระองค์ท่าน ทรงงานหนักตลอดเวลา ภาพที่เห็นจนชินตา คือพระองค์จะทรงบุกน้ำ ลุยโคลน เพื่อเข้าไปช่วยเหลือพสกนิกรของพระองค์ท่านให้พ้นจากความทุกข์ยาก ซึ่งไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนในโลก สามารถทุ่มเทพระวรกายทั้งหมดเพื่อประชาชนได้มากขนาดนี้ จากนี้ไปถึงแม้ไม่มีพระองค์ท่านอยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่เราทำได้คือการน้อมนำพระราชจริยวัตรเรื่องความพอเพียงมาใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป

s__14205152

ด้าน นางจันเป้ง แก้ววิกา วัย 76 ปี พสกนิกร จ.สระบุรี ที่ให้หลานสาวและหลานเขยเดินทางมาจากที่บ้านตั้งแต่หัวค่ำเมื่อวานนี้ เล่าถึงพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยความซาบซึ้งว่า เมื่อครั้งที่ตัวเองยังเป็นเด็กอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น เคยตามพ่อกับแม่ไปเข้าเฝ้าพระองค์ท่านตอนที่เสด็จฯมาที่ จ.สระบุรี ตอนนั้นรู้สึกสงสัยว่าทำไมพระเจ้าอยู่หัวต้องเสด็จฯมาในพื้นที่อันแสนกันดารขนาดนี้ บุกป่าฝ่าดงเข้าไปในไร่ที่อยู่ในป่าลึกมาก แต่พระองค์ก็ยังทรงพระดำเนินเข้าไปอย่างไม่มีย่อท้อ กระทั่งวันที่เราโตมาถึงได้รู้ว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทรงตรากตรำพระวรกายทั้งหมดก็เพื่อให้เราลูกหลานชาวไทยทุกคนได้อยู่ดีกินดี

s__14205154

“คิดถึงพระองค์มากตั้งแต่วันที่พระองค์สวรรคตจนถึงวันนี้ยังร้องไห้ไม่หยุดเลย ยายจะนำหลักคำสอนและพระบรมราโชวาทเรื่องความซื่อสัตย์มาสอนลูกหลานทุกคน ให้มีความซื่อสัตย์ทั้งต่อการงาน และกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว หรือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน” นางจันเป้ง กล่าว

s__14205158

ต่อมา บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ประธานองค์กรทำดี เดินทางมาแจกน้ำดื่มให้ประชาชนที่เต็นท์ดอยคำ บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ถือเป็นความโชคดีที่เกิดทันและได้เห็นพระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย ท่านทรงเป็นแบบอย่างที่ดีของคนไทย ซึ่งตนเองก็มุ่งมั่นที่จะทำความดี ถึงแม้จะถูกมองว่าทำเพื่อปูทางให้กับตนเองก็จะพยายามอดทน เพราะพระองค์ท่านสอนไว้ว่าการทำความดีต้องอดทน อย่าย่อท้อ และดำเนินชีวิตก็ใช้จ่ายแบบพอเพียง อะไรที่ไม่สมควรซื้อก็จะไม่ซื้อมาก ไม่มีหนี้ ชีวิตก็มีความสุข

s__14205159

ประธานองค์กรทำดี กล่าวต่อว่า เคยคิดว่าหากไม่มีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร เพราะพระองค์ช่วยแก้ไขปัญหาให้ทุกอย่าง รวมทั้งปัญหาทางการเมือง แต่นั้นอาจเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวหรือไม่ เพราะท่านช่วยประเทศมากว่า 70 ปีแล้ว จะให้ท่านคอยปกป้องเราอีกหรือ ถึงเวลาที่พระองค์ท่านจะได้พัก และพวกเราก็ควรจะเข้มแข็ง อยู่อย่างสามัคคีกัน เหมือนที่พระองค์ท่านอยากให้คนไทยรักกัน และอยู่อย่างพอเพียง พระองค์ท่านก็จะมีความสุขที่เห็นลูกๆ ของพระองค์มีความเข้มแข็ง ประเทศไทยดีที่สุดในโลกแล้ว มีกินตลอด 24 ชม. ไม่มีภัยพิบัติ และมีพระมหากษัตริย์ที่รักประชาชน

s__14205170

s__14205177

s__14205172

s__14205174

s__14205175

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน