บุกบ้านหรูกลางกรุง ทลาย “แก๊งไข่หวง” 4 เจ้าพ่อยานรกข้ามชาติ ยัดไอซ์ในเพลารถส่งขายนอกประเทศ เปิดปากสารภาพ หนีคดีจากไต้หวันมาด้วย
วันที่ 19 ส.ค.2566 พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายเฉิน ยู่ หนิง อายุ 34 ปี และ นายหลี่ หมิง เจิ้น อายุ 26 ปี ได้ที่บ้านพักหลังหนึ่ง แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร
บุกบ้านหรูกลางกรุง ทลาย “แก๊งไข่หวง” 4 เจ้าพ่อยานรกข้ามชาติ ยัดไอซ์ในเพลารถส่งขายนอกประเทศ เปิดปากสารภาพ
นอกจากนี้ ยังจับกุม นายเซิง เยี่ยน หมิง อายุ 31 ปี, นายหลิน เฉอ เฉิง อายุ 24 ปี, นายเฉิน ยี่ เหวิน อายุ 23 ปี, นายชู ชุน เยน อายุ 22 ปี ทั้ง 6 คนเป็นชาวไต้หวัน และ นายอภิญญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี โดยจับกุมตัวได้ที่บ้านพักอีกหลังหนึ่ง ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
พร้อมของกลาง แท่งเหล็กเพลากลางรถบรรทุก 17 แท่ง, ยาไอซ์ 1,057 กรัม, กัญชา 10 กิโลกรัม, เครื่องมืออุปกรณ์เพื่อตัดแปลงท่อนเพลาเพื่อใช้ซุกซ่อนยาเสพติด กว่า 15 รายการ, ยาไฟว์ไฟว์ 29 เม็ด, เครื่องปั่นใช้ผสมยาเสพติด 2 เครื่อง, เคตามีน 17 กรัม และยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แฮปปี้วอเตอร์) 1 ซอง
พล.ต.อ.ชินภัทร กล่าวว่า สืบเนื่องจากช่วงเดือน ส.ค.66 ได้รับแจ้งจากสายลับ “กลุ่มชายชาวไต้หวันสักลาย” ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสืบสวนนครบาลและนักเรียนสืบสวนคดีอาญา 111 สะกดรอยแก๊งชาวไต้หวันใช้แท่งเพลารถขนยาเสพติดข้ามชาติ
จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มแก๊งชาวไต้หวันระดับราชายาเสพติดไต้หวัน 4 ราย โดยให้ชื่อแก๊ง “ไข่หวง” เนื่องจากผู้สั่งการรายใหญ่ชื่อ “ไข่หวง” อยู่ที่ไต้หวัน โดยแก๊งผู้ต้องหาดังกล่าวได้ถูกทางการไต้หวันออกหมายจับตามล่าจึงหลบหนีมาอยู่ในประเทศไทย ตรวจสอบพบมีการทำเป็นขบวนการ โดยให้ทีมงานมาเช่าหมู่บ้านหรูใจกลางกรุงย่านกรุงเทพกรีฑา
โดยเช่าบ้านเดือนละ 60,000 บาท ใช้เป็นพื้นที่ในการรับ-ส่งออกยาเสพติด ใช้บริการรถจักรยานยนต์ขนส่งตลอดทั้งวัน ชุดสืบสวนจึงได้วางแผนนำกำลังซุ่มแอบดูจนพบว่า มีการซุกซ่อนแท่งเพลา 17 แท่ง ห่อแรปเตรียมส่งออกไปนอกประเทศ
ต่อมาเวลา 08.10 น.ของวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา สืบทราบว่าจะมีการเคลื่อนย้ายแท่งเพลาไปขึ้นเรือขนส่งทางทะเล พล.ต.ต.ธีรเดช พร้อมทีมชุดสืบสวน นำหมายค้นศาลอาญามีนบุรีที่ 535/2566 ลงวันที่ 17 ส.ค. 66 บุกเข้าเซฟเฮ้าส์ บ้านหลังหนึ่ง แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ พบนายเฉิน ยู่ หนิง และนายหลี่ หมิง เจิ้น อยู่บริเวณดังกล่าว ท่าทางมีพิรุธ
ก่อนตรวจสอบท่อนเพลาดังกล่าว พบยาไอซ์และกัญชาร่วงออกมาจำนวนมาก และยังพบอุปกรณ์การเชื่อมเหล็ก หินเจีย และอีกหลายรายการที่มีไว้เพื่อตัดแปลงท่อนเพลาเพื่อใช้ซุกซ่อนยาเสพติดเพื่อส่งออกไปยังไต้หวัน
จากการตรวจสอบขยายผล นายเฉิน ยู่ หนิง หัวหน้าขบวนการก่อนนำเจ้าหน้าที่บุกไปที่บ้านหนึ่งต.บางแก้ว อ.บางพลี เป็นที่กบดานของแก๊งไข่หวงที่ผลิตยาแฮปปี้วอเตอร์ และใช้เป็นพื้นที่ปาร์ตี้ยา พบยาไอซ์, เคตามีน, ไฟว์ไฟว์ และ แฮปปี้วอเตอร์ จำนวนหลายรายการ รวมถึงของจำพวกซองเปล่า, เครื่องปั่น เพื่อใช้ใส่ยาแฮปปี้วอเตอร์ในจำนวนมาก
และจับกุมผู้ต้องหาในบ้านได้อีก 5 ราย ขณะพยายามวิ่งหลบหนีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบน เพื่อทำลายพยานหลักฐานในบ้าน พล.ต.อ.ชินภัทร และ พล.ต.ท.ธิติ เดินทางมาควบคุมขยายผลด้วยตัวเองก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวน นายเฉิน ยู่ หนิง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่า เมื่อ 7 เดือนก่อน ตนถูกตำรวจไต้หวันจับกุมที่ประเทศไต้หวันและออกข่าวดังเพราะเป็นขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ แต่ได้จ้างทนายสู้คดีและประกันตัวออกมา ก่อนจะหนีออกนอกประเทศด้วยการแอบขึ้นเรือสินค้าเป็นเวลากว่า 15 วัน จนถึงประเทศกัมพูชา
ผู้ต้องหา ให้การต่อว่า จากนั้นจึงค่อยเดินทางเข้ามาตั้งฐานทัพใหม่ในประเทศไทย จนทางการไต้หวันได้ออกหมายจับและตามล่าตน โดยปัจจุบันตนมาตั้งฐานทัพที่ประเทศไทยและอยู่ระหว่างค้นหาวิธีการที่จะส่งออกยาเสพติดไปยังไต้หวัน โดยมีผู้ร่วมขบวนการชื่อว่า เสี่ยวผ้าง ซึ่งอยู่ในไต้หวันและคอยรอรับยาเสพติดจากตนที่ส่งไปจากประเทศไทย
ผู้ต้องหา ให้การอีกว่า ตนเห็นข่าวเรื่องการลักลอบขนส่งยาบ้าและเฮโรอีนโดยทำการผ่ายัดลงไปในเพลารถและเชื่อมเพื่อปกปิดทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้โดยง่าย จึงลองนำมาใช้ โดยตนได้ขับรถไปซื้อเพลารถที่ จ.ชลบุรี โดยยาเสพติดที่หามานั้นซื้อมาจากเพื่อนชาวไต้หวัน ซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ จำนวน 1 กิโลกรัม ในราคา 230,000 บาท
ผู้ต้องหา ให้การด้วยว่า และซื้อกัญชามาจากร้านค้าทั่วไปในกรุงเทพฯ จำชื่อร้านไม่ได้ โดยซื้อมาจำนวน 40 กิโลกรัม ราคา 70,000 บาท โดยจะชำระเงินกันผ่านช่องทางแพลตฟอร์ม Cryptocurrency สกุลเงิน usdt หลายแอพพลิเคชัน หากหลุดรอดไปได้จากขายได้ 10 เท่า เพิ่มเป็น 7 แสนบาท หากนำไปแบ่งขายได้ประมาณ 2.5 ล้านบาท
