กองปราบทลายแก๊ง Romance Scam ลวงรักออนไลน์ ตุ๋นเงินเหยื่อ จับหนุ่มไนจีเรียพร้อมผู้ร่วมขบวนการชาวไทย 14 ราย พบโอนออกนอกประเทศกว่า 800 ล้าน

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.66 พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รอง ผกก.1 บก.ป. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊ง “Romance Scam ลวงให้รักก่อนเชิดเงินหนี” หลังนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 14 จุด ทั่วประเทศ แบ่งเป็นในพื้นที่ กทม. 7 จุด, ปทุมธานี 1 จุด, พิษณุโลก 2 จุด, อุทัยธานี 1 จุด, อุตรดิตถ์ 1 จุด, กำแพงเพชร 1 จุด, พิจิตร 1 จุด

จากปฏิบัติการดังกล่าวสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 14 คน แบ่งเป็น ผู้ต้องหาชาวไทย 13 ราย และผู้ต้องหาสัญชาติ ไนจีเรีย 1 ราย พร้อมของกลาง มือถือ จำนวน 21 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 20 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม จำนวน 18 ใบ สมุดกองทุนรวมธนาคาร 1 เล่ม คอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง เอกสารโอนเงินไปต่างประเทศ จำนวน 5 ชุด ซิมการ์ดโทรศัพท์ 1 อัน เมมโมรี่กล้อง 3 ตัว กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ Chanel จำนวน 2 ใบ

พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เนื่องจากเมื่อต้นปี 2565 ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายรายหนึ่งว่า ถูกกลุ่มมิจฉาชีพเข้ามาทำทีตีสนิทผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยใช้โปรไฟล์เป็นรูปภาพหญิงต่างชาติหน้าตาดี อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสาวชาวอเมริกัน กำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในประเทศซีเรีย เมื่อพูดคุยกันจนสนิทสนม

มิจฉาชีพกลุ่มนี้ก็เริ่มออกอุบายว่า กำลังจะเดินทางมาประเทศไทย เหตุเพราะประทับใจและตกหลุมรักในตัวผู้เสียหายมาก พร้อมอ้างว่าได้ส่งพัสดุภายในเป็นทรัพย์สินมีค่ามาให้ แต่ติดปัญหาไม่สามารถนำออกจากสนามบินได้จึงอยากให้ผู้เสียหายช่วยจ่ายเงินค่าภาษีให้ก่อนแล้วจะคืนเงินให้ภายหลัง

พ.ต.อ.พรศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อเห็นว่าผู้เสียหายเริ่มหลงเชื่อคล้อยตาม กลุ่มคนร้ายก็จะให้ผู้ร่วมขบวนการที่เป็นคนไทย ทำทีโทรศัพท์ติดต่อมายังผู้เสียหายก่อนอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สนามบิน ก่อนหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงิน ให้อ้างเป็นค่าดำเนินการต่างๆ เพื่อที่จะสามารถนำกล่องพัสดุออกจากสนามบินได้ จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปจำนวนหลายครั้งรวมเป็นเงินกว่าล้านบาท เมื่อเห็นว่าได้ยอดเงินตามที่ต้องการแล้ว คนร้ายกลุ่มนี้ก็จะเริ่มออกลาย ตัดขาดการติดต่อแล้วเชิดเงินทั้งหมดหนีหายไปในที่สุด

ด้าน พ.ต.ท.อัครพล กล่าวว่า หลังรับเรื่องทางเจ้าหน้าที่จึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสจนพบว่า คนร้ายกลุ่มนี้ทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งคนไทยและชาวไนจีเรีย โดยเฉพาะ นายอูโซซูกะวู หรือ Mr.Ezeneche Uzochukwu Jerome อายุ 45 ปี ชาวไนจีเรีย ซึ่งก่อนหน้าตั้งแต่ปี 2561 เคยถูกจับในคดีลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบ กลับมาก่อเหตุซ้ำซากหลายครั้ง

อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินยังพบว่าเมื่อได้เงินจากผู้เสียหายแล้วกลุ่มคนร้ายจะรีบโอนออกไปยังบัญชีธนาคารต่างประเทศโดยทันที เฉพาะตั้งแต่ปี 2561 – 2564 พบมีเงินหมุนเวียนออกไปยังบัญชีในต่างประเทศรวมกว่า 800 ล้านบาท

“เมื่อมีหลักฐานการกระทำผิดที่แน่ชัดแล้วนั้น จึงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและนำมาสู่การตามจับกุมตัวนายอูโซซูกะวู พร้อมผู้ร่วมขบวนการคนอื่นๆอีก 13 ราย ได้ดังกล่าว” พ.ต.ท.อัครพล กล่าว

ด้าน พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า จากการสอบปากคำหนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งทำหน้าที่ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สนามบินโทรศัพท์หลอกลวงผู้เสียหายนั้น ให้การรับว่าขณะนั้นถูกว่าจ้างมาจากแฟนหนุ่มชาวไนจีเรีย ซึ่งเจอกันที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันไม่ได้คบหากันแล้ว โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นเปอร์เซ็นจากการหลอกลวงดังกล่าว

อ้างสาเหตุที่ต้องทำ เพราะช่วงนั้นไม่มีงานทำไม่มีรายได้ ซึ่งหลังจากนี้จะนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน