ด่วน! คุก ‘ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร’ 3 ปีไม่รอลงอาญา ข้อหา ม.157 คดีคุมตัว‘บิลลี่’ แต่ไม่ส่งพนักงานสอบสวน ส่วนคดี ฆ่า-อำพรางศพ ให้ยกฟ้อง

เมื่อเวลา 09.30น. วันที่ 28 ก.ย.2566 ที่ห้องพิจารณา 303 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อท.166/2565 ที่อัยการโจทก์ ยื่นฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช สมัยเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นจำเลย พร้อมพวก 4 คน กรณีการหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 และพวกรวม 4 คน

ในความผิดฐานร่วมกัน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้,

ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย , ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง, ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ,

ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่งพนักงานอัยการและต่อมาได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ กับพวก ในความผิดเกี่ยวกับการ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

โดยวันนี้ นายชัยวัฒน์ กับพวก ซึ่งเป็นจำเลย รวม 4 คน พร้อมทนาย เดินทางมาศาล ส่วนฝ่ายโจทก์ มี โจทก์ร่วม และทนาย เดินทางมาศาล

ศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่ามีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อแรกว่าจำเลยกระทำผิดมาตรา 157 หรือไม่เห็นว่า จำเลยที่ 1 จับกุมนายบิลลี่พร้อมน้ำผึ้งป่าและรถจักรยานยนต์ที่ด่านตรวจ แต่ ไม่ยอมทำบันทึกการจับกุมและนำตัวส่งตำรวจพื้นที่ตามขั้นตอน ถือว่าจำเลยมีความผิด ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนจำเลยที่ 2 ถึง 4 ทำตามที่จำเลยที่ 1 สั่งยังไม่เป็นความผิด

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยต่อว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกัน กักขัง ข่มขืนใจให้นายบิลลี่ขึ้นรถยนต์หรือไม่เห็นว่า มีพยาน เห็นว่าจำเลยทั้ง 4 พานายบิลลี่ขึ้นรถแต่ไม่มีการขู่บังคับโดยใช้อาวุธแต่ไม่มีพยานคนใดยืนยันได้ว่าจำเลยปล่อยตัวนายบิลลี่ลงที่บริเวณใกล้กับแยกไฟแดง แต่พยานโจทย์ก็ยังไม่มีการเบิกความให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันหน่วงเหนี่ยว กักขัง นายบิลลี่แต่อย่างใด

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัย ต่อไปว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกัน ฆ่านายบิลลี่โดยไตร่ตรองหรือไม่ เห็นว่า ชิ้นส่วนกระดูกที่โจทก์นำสืบ ผลตรวจไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นกระดูกของนายบิลลี่หรือไม่ และโจทก์ไม่สามารถนำสืบได้ว่านายบิลลี่ ยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิต ดังนั้นพยานหลักฐานจึงยังไม่อาจ เชื่อได้ว่าจำเลยทั้ง 4 ร่วมกันฆ่านายบิลลี่

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยข้อสุดท้าย ว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่เห็นว่า ข้อหาที่มีการแจ้งต่อจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่พนักงานสอบสวนจะมีอำนาจฟ้องคดี

พิพากษาว่า นายชัยวัฒน์ จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีที่ไม่ทำบันทึกการจับกุมนำตัวนายบิลลี่ส่งพนักงานสอบสวนสั่งจำคุก 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นพิพากษายกฟ้อง และ จำเลยที่ 2-4 พิพากษายกฟ้อง

ทั้งนี้ นายชัยวัฒน์ ได้ทำเรื่องประกันตัว และต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ ต่อไป

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสืบสวน กรณี การหายตัวไปของนายพอละจี หรือบิลลี่ รักจงเจริญ แกนนำชุมชนกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ที่หายตัวไปภายหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ร่วมกันจับกุมในความผิดอาญา กรณี นำน้ำผึ้งซึ่งเป็นของป่าออกจากเขตอุทยานแห่งชาติฯ เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557

ซึ่งคณะกรรมการคดีพิเศษ ได้มีมติให้กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 13/2565 จากการสอบสวนมีพยานหลักฐานรับฟังได้ว่าเป็นการฆาตกรรมโดยอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีความเห็นควรฟ้อง นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน กับพวก จำนวน 4 คน ในความผิดฐานร่วมกัน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแก่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ,

ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใด ๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย , ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง ,

ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต , ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่งพนักงานอัยการและต่อมาได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายชัยวัฒน์ฯ กับพวก ในความผิดเกี่ยวกับการ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ซึ่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องดังกล่าว และส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นแย้งไปยังอัยการสูงสุด เพื่อชี้ขาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 ประกอบพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มาตรา 34 ตามที่ได้เสนอข่าวต่อสาธารณชนก่อนหน้านี้แล้ว นั้น

อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งชี้ขาดให้ฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กับพวก ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด

โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั่นเอง ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ในร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย ร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดีกระทำการใดๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จ

ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 , 91 , 289 (4) (7) , 309 , 310 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ทวิ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 21) พ.ศ.2542 มาตรา 5

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน