โฆษกศาล แจงขั้นตอน การดำเนินคดี เยาวชน ทำผิด ตร.ต้องคุมส่งศาลใน 24 ชม. เพื่อตรวจสอบการจับ เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ส่วนพ่อแม่ อาจต้องรับผิดทางแพ่งด้วย

เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2566 นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงแนวทางการดำเนินคดีกับเยาวชนชายอายุ 14 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ใช้ก่อเหตุยิงประชาชนในห้างสยามพารากอน มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตว่า ในการจับกุมเยาวชน ศาลเยาวชนฯ จะมีกระบวนการตรวจสอบการจับกุมตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวน ต้องนำตัวเด็กหรือเยาวชน ส่งศาลเยาวชนฯ ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อให้ศาลตรวจสอบการจับก่อนว่า การจับกุมเด็ก หรือเยาวชน การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเยาวชน เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่

ปกติการจับกุมเด็กหรือเยาวชนที่กระทำความผิด กฎหมายให้อำนาจพนักงานสอบสวน ควบคุมตัวไว้ได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ส่วนมากจะนำตัวมาส่งศาลเยาวชนฯ เพื่อให้ศาลใช้ดุลยพินิจว่าจะควบคุมตัว หรือจะให้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างไรต่อไป หลังจากตรวจสอบการจับกุม ศาลจะรอดูรายงานการจับกุมจากพนักงานสอบสวนที่นำส่งมาให้ศาลพิจารณาว่าพฤติการณ์ของเยาวชนรายนี้ เป็นอย่างไรบ้าง เช่น ศาลจะดูว่าเด็กก่อเหตุยิงไปกี่คน สภาพทางจิตใจ การรักษาพยาบาลทางจิต การดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นอย่างไร

พนักงานสอบสวน จะต้องใส่มาในรายงานให้ศาลพิจารณา และในการตรวจสอบการจับ พนักงานสอบสวนจะต้องเดินทางมาศาลเยาวชนฯด้วย ซึ่งศาลอาจทำการไต่สวนพนักงานสอบสวนเพิ่มเติมถึงข้อมูลต่างๆ ที่พนักงานสอบสวน ใส่มาในรายการการจับกุม จากนั้นศาลจะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนว่า จะใช้ดุลยพินิจในการปล่อยตัว หรือจะควบคุมตัว เด็กหรือเยาวชน ที่ก่อเหตุหรือไม่

ส่วนกรณีเด็กที่มีเรื่องของอาการป่วยทางจิตนั้น หากศาลเห็นว่า ถ้าพ่อแม่เด็กดูแลเด็กได้ ก็จะให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองดูแล และอาจวางมาตรการต่างๆ กำหนดไว้ แต่หากพ่อแม่เด็กดูแลไม่ได้ อาจให้องค์กรหรือหน่วยงานที่ดูแลด้านเด็ก ดูแลแทน หรือสถานที่อื่นที่ศาลเห็นสมควร เช่น สถานดูแลทางจิตเวช แต่ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ของเด็กว่า รุนแรงขนาดไหน และต้องใช้มาตรการอะไรที่จะมาควบคุมดูแลเด็กเหล่านี้

ในส่วนของพ่อแม่ของเด็กนั้น ตามกฎหมาย หากเป็นเด็กหรือเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พ่อแม่ต้องรับผิดด้วย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 เว้นแต่พ่อแม่จะพิสูจน์ข้อยกเว้นตามกฎหมายได้ว่า ตนเองไม่ได้มีส่วนผิด

โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวด้วยว่า กฎหมายให้ดูพฤติการณ์ของแต่ละเรื่องไป ยกตัวอย่างเช่น ใน 1 คดี มีเด็กทำผิดกฎหมาย 10 คน ศาลอาจใช้มาตรการที่ต่างกันไปของทั้ง 10 คนก็เป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์ และความจำเป็นของเด็กแต่ละคน เหมาะสมแค่ไหน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน