แม่น้องชมพู่ เปิดใจทั้งน้ำตาครั้งแรก สุดเสียใจ เป็นฝ่ายสูญเสีย แต่กลับรู้สึกถูกกระทำ โต้ปมไม่พบดีเอ็นเอลุงพล ยืนยัน เป็นคดีฆาตกรรมอำพรางแน่นอน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 31 ต.ค.2566 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหาร นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา พร้อมด้วย นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อและแม่ของ น้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ และ นายพิสิษฐ์ ตรัยเจริญเมธากุล ทนายความส่วนตัว แถลงเปิดใจครั้งแรก หลังได้เผชิญหน้ากับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น

แม่น้องชมพู่ เปิดใจทั้งน้ำครั้งแรก สุดเสียใจ เป็นฝ่ายสูญเสีย แต่กลับรู้สึกถูกกระทำ โต้ปมไม่พบดีเอ็นเอลุงพล

แม่น้องชมพู่ เปิดใจทั้งน้ำครั้งแรก สุดเสียใจ เป็นฝ่ายสูญเสีย แต่กลับรู้สึกถูกกระทำ โต้ปมไม่พบดีเอ็นเอลุงพล

นางสาวิตรี กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ศาลเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษา แต่เข้าใจว่าศาลมีเหตุผลอันสมควร ซึ่งวันนี้ที่ได้เจอลุงพล แต่ไม่ได้พูดคุยทักทายหรือมองหน้ากันเลย สำหรับประเด็นที่ว่า น้องอาจเดินไปเสียชีวิตเอง ตนมองว่า คดีของน้องชมพู่เป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจมาก ทุกความเคลื่อนไหวทางคดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมีการนำเสนอตลอดเวลา และบางอย่างไม่ใช่ถูกเสนอไปและถูกนำเสนอด้วยการเลือกฝั่งของยูทูบเบอร์ทำให้สังคมไขว้เขว

“ตัวเองรู้สึกสูญเสียแต่ถูกกระทำ ครอบครัวถูกมองว่าใส่ร้ายจำเลยมาโดยตลอด แต่ถ้าได้ติดตามก็จะเห็นว่าหลายครั้งฝั่งโน้นได้พาดพิง จากประโยคที่ว่า สงสัยทำให้กลายเป็นจำเลยสังคม ทำให้ถูกประณามมาโดยตลอด ทั้งที่เรามีสิทธิ์ที่จะสงสัยว่า ใครเป็นคนทำลูกเรา แต่เรากลับถูกกระทำ” นางสาวิตรี กล่าว

นางสาวิตรี กล่าวต่อว่า ส่วนที่ลุงพลและป้าแต๋นออกมายืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องนั้น ตนมองว่าตามสิทธิ์ของเขา และที่ป้าแต๋นบอกว่า น้องชมพู่รู้อยู่แล้ว แม่ก็ไม่รู้เพราะมีน้องคนเดียวที่ตอบได้ สำหรับเรื่องความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจ หลังจากที่สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว สิ่งที่อัดอั้นตันใจคือความรู้สึกที่ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมาเป็นระยะเวลานาน จนตอนนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว แต่ถ้าในคดีความ ก็ไม่ได้กังวลใจอะไรเลย เพราะได้เห็นทุกอย่างเกี่ยวกับหลักฐาน จึงไม่ได้กังวลตรงนั้น

นางสาวิตรี กล่าวอีกว่า ส่วนที่ทนายของลุงพลออกมาบอกว่า ไม่พบดีเอ็นเอของลุงพลในตัวของน้องชมพู่เลย ก็เป็นสิทธิของทนายที่จะพูดเพื่อให้กำลังใจลูกความ แต่ในฐานะที่เราเป็นผู้สูญเสีย คดีเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง จะมีคนร้ายและผู้ตาย ถ้าดีเอ็นเอของผู้ร้ายไม่มาพัวพันกับผู้ตาย ก็จะต้องมีหลักฐานอะไรบางอย่างที่ผู้ตายไปพัวพันกับคนร้าย จึงไม่มีความกังวลใจอะไร เพราะเราได้เห็นความยุติธรรมในศาลทั้งหมดแล้ว








Advertisement

“หากวิญญาณลูกรับรู้ ก็ให้ลูกเป็นเด็กเหมือนเดิม ที่มีความสุข จริง ๆ แล้ว ครอบครัวของเราอบอุ่นมาก ถึงแม้ว่าจะยากจนก็ตาม การตายของชมพู่ทางครอบครัวไม่สามารถพูดคุยกันได้เลย แม้จะผ่านมา 3 ปีแล้ว ครอบครัวก็กลัวว่าหากพูดถึงอีก ครอบครัวก็จะกระทบต่อจิตใจ พวกเราเลือกไม่ได้ พวกเราสูญเสีย เราไม่มีโอกาสได้เลือก แต่เขายังมีโอกาสได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าถูกใส่ร้ายหรือเปล่า แต่ว่าเราไม่มีโอกาส แม้ว่า หากเขาบริสุทธิ์ เราก็สูญเสียตลอดชีวิต” นางสาวิตรี กล่าว

ด้าน ทนายพิสิษฐ์ กล่าวว่า ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา เนื่องจากการตรวจร่างยังไม่สมบูรณ์ซึ่งเป็นกระบวนการตามปกติ โดยจะเลื่อนไปช่วงวันที่ 20 ธ.ค.2566 เวลา 10.00 น. ส่วนตัวคิดว่าไม่มีผลกระทบกับคดีเนื่องจากมีการสืบพยานไปแล้ว ส่วนประเด็นที่ทนายฝ่ายลุงพลออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องไม่พบดีเอ็นเอนั้น ถึงไม่พบ ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาผิดไม่ได้ เพราะมีพยานหลักฐานอื่น ๆ ประกอบกัน

นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่

นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อของน้องชมพู่

ทนายพิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า อาทิ พยานแวดล้อมและพยานบุคคล ส่วนตัวไม่สามารถตอบได้ว่า พยานหลักฐานทั้งหมดจะเพียงพอในการที่ศาลตัดสินลงโทษลุงพลหรือไม่ เนื่องจากจะก้าวล่วงอำนาจศาล แต่บอกได้เพียงว่า พยานที่สืบมาทั้งหมด ทั้งพยานหลักฐาน พยานวัตถุ ตัวเองเชื่อมั่น ยืนยันการสืบพยาน ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากทั้งสองฝั่งวิเคราะห์ว่าน้องชมพู่ สามารถเดินขึ้นภูเหล็กไฟไปเองได้หรือไม่

ทนายพิสิษฐ์ กล่าวอีกว่า และเชิญนักโภชนาการมาดูว่าเด็กกินข้าวแค่นี้ มีพลังงานเพียงพอจะสามารถเดินขึ้นไปยังจุดพบศพเองได้หรือไม่ พร้อมมองว่าการเลื่อนอ่านคำพิพากษาไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับคดี เป็นเพียงกระบวนการตามปกติ ซึ่งตัวเองก็ตอบไม่ได้ว่าจะมีการเลื่อนอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล แต่เชื่อว่าครั้งหน้าน่าจะเสร็จสิ้น

สำหรับประเด็นของเรื่องสุนัขว่า มีโอกาสนำพาน้องชมพู่ขึ้นไปบนเขา นางสาวิตรี กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่สุนัขจะพาน้องชมพู่วิ่งออกนอกบ้าน และน้องจะวิ่งตาม เนื่องจากนิสัยของน้องชมพู่ถ้าจะออกไปนอกพื้นที่ จะหันมามองแม่ตลอด ยืนยันน้องชมพู่ยังถอดเสื้อผ้าไม่เป็น และยังไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ อีกทั้งส่วนตัวเลี้ยงสุนัขแบบปล่อย ไม่ได้เลี้ยงให้เป็นเพื่อนลูก และน้องชมพู่เป็นเด็กเล็ก ไม่ได้ปล่อยให้เล่นกับสุนัข

นางสาวิตรี กล่าวด้วยว่า ไม่พบดีเอ็นเอบนเสื้อผ้าน้อง ตนก็มองว่าเหตุที่เกิดขึ้นกับน้องชมพู่เป็นการฆาตกรรมอำพราง และต่อให้ไม่มีดีเอ็นเอก็ยังมีหลักฐานอื่น ๆ ยืนยัน เห็นทุกอย่างในคดี ซึ่งต่อให้ศาลมีการเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปก็ไม่ได้กังวล

ขณะที่ นายอนามัย พ่อของน้องชมพู่ กล่าวว่า หลังจากที่รอคอยวันนี้มานาน แต่จำเป็นต้องเลื่อน ก็มีความเสียใจเล็กน้อย แต่จำเป็นต้องรอต่อไป ยอมรับยังคิดถึงน้องชมพู่ตลอดเวลา หากวิญญาณรับรู้ ต้องการบอกว่า น้องชมพู่ควรจะมีความสุข

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน