รอง ผบ.ตร.ประชุมแนวทางป้องกันปราบปราม ทำฐานข้อมูลงานสายตรวจ-ป้องกันไม่เหตุเกิด ทบทวนคำสั่งพิจารณาโยกย้าย ไม่ตอบโจทย์การแก้ปัญหา

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.66 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยมี พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รองผบช.น. พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น. ผบก.น.1-9, ผบก.สปพ., ผบก.อก.บช.น., ผบก.อก.บช.ส. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

เข้าร่วมประชุมการตรวจเยี่ยมและรับฟังแนวทางการปฏิบัติ เพื่อหาแนวทางปฏิบัติในงานป้องกันและปราบปรามเรื่องรูปแบบการจัดสายตรวจ, การตั้งด่านตรวจและ การวิเคราะห์อาชญากรรม เพื่อป้องกันเหตุ ของบช.น. โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ เปิดเผยว่า ฐานะดูแลงานป้องกันปราบปรามของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีแนวคิดเดินทางไปตรวจเยี่ยมและรับฟังความคิดเห็นทุกกองบัญชาการ ตั้งแต่พื้นที่บช.น. และบช.ภ.1-9 ในเดือนพ.ย.ทั้งหมด โดยเดินทางไปยังบช.ปส. มาแล้ว เมื่อรับฟังความเห็นครบทั้งหมด แล้วก็จะนำมากำหนดมาตรฐานแนวทางการทำงานป้องกันปราบปราม

ซึ่งบช.น. เป็นพื้นที่หลักดูแลเมืองหลวงของประเทศไทย มีจุดแข็งในเรื่องการจัดสายตรวจและระบบการรับแจ้งเหตุ การวิเคราะห์ข้อมูลอาชญากรรม โดยเฉพาะการเอาเหตุที่เกิดขึ้นรวบรวมไว้เป็นฐานข้อมูลมาใช้ในงานป้องกันปราบปราม แต่สิ่งต้องการไม่ให้เกิดขึ้นคือ การทำให้ไม่เกิดเหตุ วางแผนจัดสายตรวจจักรยานยนต์ รถยนต์ เดินเท้า ทั้งนี้ รองผบช.น.ดูแลงานป. มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญงานดังกล่าว








Advertisement

จากนั้นจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล และผบ.ตร. เตรียมพร้อมวางแผนการป้องกันปราบปรามและทำแผนเผชิญเหตุให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเน้นการทำงานจากตัวบุคลากรของงานป้องกันปราบปราม สามารถเชี่ยวชาญการใช้เทคโนโลยีหลายท่าน ตรวจสอบข้อมูลผ่านช่องทางออนไลน์นัดแนะก่อเหตุจากนั้นสามารถเข้าระงับยับยั้งได้หรือไม่ โดยจะกำหนดแนวทางการทำให้เหมาะสมในแต่ละพื้นที่ แต่เน้นที่รูปแบบการตรวจและการป้องกัน

เมื่อถามถึงกรณีบช.ภ.5 มีคำสั่งเด้ง 5 เสือ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ไปช่วยราชการทันที หลังจากทุกฝ่ายปกครองจับกุมสถานบริการผิดกฎหมายในพื้นที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เนื่องจากต้องการให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน เพราะที่ผ่านมาทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับต่างๆในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ กรณีที่บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ และมีหน่วยงานอื่น

หรือหน่วยงานตำรวจส่วนกลางมาจับกุม สิ่งผิดกฎหมายที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ เช่น บ่อนการพนัน สถานบริการ ด้วยการสั่งให้ไปช่วยราชการทันที พร้อมสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ขณะนี้เตรียมให้ทบทวนคำสั่งการพิจารณาโยกย้ายดังกล่าว เพราะส่วนตัวมองว่าการโยกย้ายทันทีหลังเกิดเหตุ จะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ไม่ได้ตอบโจทย์การแก้ปัญหา ทั้งยังทำให้ประสิทธิภาพของสถานีตำรวจนั้นด้อยลง เนื่องจากไม่มีคนทำงาน ต้องแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ไปรักษาราชการแทนเสียกำลังพลโดยใช่เหตุ

รองผบ.ตร. กล่าวว่า หารือพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุวิมล ผบ.ตร. พิจารณาแนวทางให้มีความเหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง ภารกิจของตำรวจที่เพิ่มขึ้นมาก ยืนยันว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้ตำรวจในพื้นที่ย่อหย่อน หรือได้ใจ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แต่จะตั้งคณะกรรมการตรวจ หากกระทำผิดจริงก็ต้องรับโทษทั้งวินัยและอาญา และจะดำเนินการเอาผิดหน่วยอื่นที่เกี่ยวข้องรวมถึงผู้บังคับบัญชาด้วย

เมื่อถามถึงกรณีรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายขยายเวลาเปิดสถานบริการถึงเวลา 04:00 น. ในพื้นที่นำร่อง 4 จังหวัด เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวคาดว่าเริ่มในวันที่ 15 ธ.ค. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เบื้องต้นยังเป็นเพียงแนวคิดที่อยู่ระหว่างการศึกษา เนื่องจากยังต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์จากประชาชนในพื้นที่

รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาการกำหนดโซนนิ่งก่อน หากยังไม่มีความพร้อมก็ต้องมาหารือร่วมกันอีกครั้ง แต่การบังคับใช้กฎหมายต่างๆยังคงเป็นไปตามเดิม เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมสนับสนุนในการรักษาความปลอดภัย และปฏิบัติงานร่วมเจ้าหน้าที่ปกครองตรวจสอบสถานบริการต่างๆตามอำนาจหน้าที่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน