เอกอัครราชทูต เผย คนไทยถูกจับเพิ่มอีก 1 ระบุ อิสราเอลเพิ่งยืนยันพร้อมจ่ายเงินชดเชยให้ตัวประกันด้วย รับเจรจาปล่อยตัวไม่ง่าย ยันแรงงานแอบกลับไปทำงานกันแล้ว
วันที่ 21 พ.ย.2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทยในอิสราเอล กล่าวถึงความคืบหน้าผลกระทบคนไทยในอิสราเอลจากสถานการณ์อิสราเอลและกาซา ในโอกาสเดินทางมาประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำปี 2566 ว่าคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 1 คน รวมเป็น 26 คน อิสราเอลเพิ่งยืนยันมาและไม่ใช่ถูกจับในสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับครอบครัวคนที่ถูกลักพาตัว ทางการอิสราเอลให้เงินชดเชยเช่นเดียวกัน แต่อาจใช้เวลามากกว่านิดหน่อยเนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น และรัฐบาลอิสราเอลเพิ่งผ่านกฎหมายมาไม่นาน แต่ยืนยันว่าได้ค่าชดเชยแน่นอน ส่วนคนสูญหายประมาณขณะนี้มีราว 4 คนจากการแจ้งของญาติและมีการเก็บดีเอ็นเอญาติของผู้สูญหายเพื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้เสียชีวิตหรือไม่ สำหรับยอดผู้เสียชีวิตคงเดิมที่ 39 คน รักษาอยู่ในรพ.คงเดิม 3 คน
เมื่อสอบถามว่า มีความคืบหน้ากรณีคลิปอ้างว่าเป็นตัวประกันคนไทยที่รพ.อัล-ชิฟาในกาซ่าหรือไม่ น.ส.พรรณนภากล่าวว่า อย่างน้อยเป็นหลักฐานว่าบุคคลคนนั้นถูกลักพาตัวไปจริง คลิปดังกล่าวถ่าย เมื่อ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในขณะนั้นยังยืนยันว่ามีชีวิตอยู่ แต่ในวันนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม ตนหวังว่าตัวประกันคนไทยยังมีชีวิตอยู่และพากลับมาประเทศไทยได้ ยืนยันว่าเรื่องเจรจาต่อรองการปล่อยตัวประกันนั้น รัฐบาลกำลังเจรจาต่อรองอยู่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ง่าย
เมื่อถามว่า กาชาดระหว่างประเทศได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูแลสวัสดิภาพ สุขภาพของตัวประกันแล้วหรือไม่ น.ส.พรรณนภากล่าวว่า กาชาดระหว่างประเทศยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป หลังจากที่ทางกาชาดระหว่างประเทศได้เรียกร้องให้ทางหน่วยงานกาชาดเข้าไปดูแลสวัสดิภาพของตัวประกันที่เป็นเด็ก ผู้หญิง และคนชรา ขณะนี้ถูกจับกุมมากว่า 40 วันแล้ว สำหรับตัวประกันคนไทยตนหวังว่าน่าจะอายุไม่มากนักและหวังว่าสุขภาพแข็งแรงดี
เมื่อถามถึงกรณีคณะทำงานรัฐสภาระบุว่า ตัวประกันใกล้ได้รับการปล่อยตัวแล้ว เจรจาสำเร็จแล้ว และ มีการประสานงานกันอย่างไร น.ส.พรรณนภา ระบุ ตนไม่ขอตอบและไม่ทราบเรื่องนั้นจริงๆ เนื่องจากเกิดขึ้นในอิหร่าน อย่างที่ทราบอิหร่านและอิสราเอลไม่ค่อยรักกัน
กรณีนายกรัฐมนตรีกาตาร์แถลงว่า ตอนนี้การเจรจาตัวประกันใกล้บรรลุผลแล้ว แต่ยังมีขัดข้องเล็กน้อย น.ส.พรรณนภากล่าวว่า ตนหวังว่าจะมีข่าวดี และกำลังรอด้วยใจจดจ่อ เพราะมองว่าคนไทยไม่ใช่ความขัดแย้งโดยตรงระหว่างอิสราเอล-ฮามาส และหวังว่าคนไทยจะได้รับการปล่อยเป็นกลุ่มถัดไป ซึ่งมองว่าหากมีการปล่อยตัวประกันจะปล่อยมาทางชายแดนอิสราเอล
เมื่อสอบถามว่า มีแรงงานที่อพยพกลับมาไทย แต่กลับไปอิสราเอลแล้วบ้างส่วนจริงหรือไม่ ระบุ มีแรงงานกลับไปอิสราเอลหลักสิบคน แม้รัฐบาลยังไม่แนะนำเพราะกังวลในเรื่องสถานการณ์ แต่อิสราเอลเปิดรับแรงงานเต็มที่อีกทั้งเพิ่มเงินเดือนให้อีก สำหรับสถานทูตเองยังห่วงกังวลแต่ก็เข้าใจแรงงาน เนื่องจากกลับมาไทย อาจจะยังไม่มีงานทำ ทราบว่ามีแรงงานแอบเข้าไปทำงานในอิสราเอล เนื่องจากมีการสื่อสารในกลุ่มแรงงาน ทำให้สถานทูตทราบ
โดยแรงงานไม่ได้เดินทางไปอิสราเอลโดยตรง แต่เดินทางผ่านประเทศอื่นไปอิสราเอล ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่อิสราเอลสัญญาว่าถ้าแรงงานเข้าไป อิสราเอลจะจัดสถานที่ปลอดภัยมากขึ้นให้ไปทำงาน แรงงานต้องบริหารจัดการเรื่องความปลอดภัยในประเด็นนี้ ตนอยากให้รอสักนิด เนื่องจากรัฐบาลและสถานทูตกำลังจะประเมินสถานการณ์อีกครั้งเพื่อความมั่นใจก่อนให้แรงงานเดินทางกลับไปอิสราเอล
ขอย้ำว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการสู้รบ และยังมีสถานการณ์สู้รบส่วนใหญ่เกิดในกาซ่า และเมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการยิงจรวดเข้ามาในกรุงเทลอาวีฟด้วย อยากบอกว่าให้แรงงานไทยประวิงเวลาที่จะกลับเข้าไปอีกครั้งก่อน ยังมีแรงงานในพื้นที่สีแดงประมาณ 300 คนสมัครใจอยู่ สถานทูตไปรับหลายครั้งแต่ไม่กลับ
ทั้งนี้ หลังจากปิดโรงแรมทั้ง 9 แห่งที่ใช้เป็นศูนย์พักพิงเพื่อรอขึ้นเครื่องกลับไทยแล้ว และหันมาใช้สถานทูตแทน มีแรงงานโทรศัพท์มาสอบถามเกี่ยวกับการขอคำแนะนำการจองตั๋วและมี 5-6 คนขอให้จัดที่พักด้วย นอกนั้นสามารถเดินทางกลับไปเองได้
เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากจะฝากถึงแรงงานไทย น.ส.พรรณนภากล่าวว่า ทางการอิสราเอลพร้อมรับแรงงานกลับแน่นอนเนื่องจากอิสราเอลยังคงขาดแคลนแรงงานเกษตร แต่สำหรับตนมองว่าสถานการณ์ยังไม่ค่อยนิ่ง จึงขอให้ใจเย็น
เมื่อถามว่า ทูตต้องวิ่งหลบจรวดขณะปฏิบัติภารกิจดูแลคนไทยหรือไม่ น.ส.พรรณตอบว่า ต้องหลบแล้วแน่นอนเมื่อไซเรนเตือนภัยดังขึ้น ครั้งหนึ่งไซเรนดังขณะนั่งในรถ ตนต้องลงไปนอนราบบนถนน อีกครั้งนั่งไปรพ.เยี่ยมผู้บาดเจ็บไซเรนดังกะทันหันตนต้องไปไปขอหลบภัยในบ้านข้างๆ ตามกฎหมายอิสราเอลสามารถทำได้ โดยให้สามารถไปหลบบ้านใครก็ได้เมื่อไซเรนดัง
