น้องคาใจ พี่สาวตกบ่อขยะ ในแฟลตทหารเสียชีวิต เชื่อเป็นฆาตกรรม สงสัยปมโทรศัพท์หาย โทรไปตอนแรกติด ก่อนติดต่อไม่ได้ พบพิรุธคล้ายมีคนเรียกขึ้นไปบนตึกจุดเกิดเหตุ

กรณีพบศพ น.ส.ประกายแก้ว (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี เจ้าของร้านของชำ ในแฟลตทหาร กองทัพภาคที่ 1 ในบ่อขยะ หลังหายตัวไปตั้งแต่คืนวันลอยกระทง กระทั่งมาพบว่าเสียชีวิตเมื่อคืนวันที่ (30 พ.ย.)

ล่าสุด ตำรวจ สน.บางซื่อ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าเสียชีวิตด้วยการตกจากที่สูง อาจเกิดจากการพลัดตกลงมาหรือถูกกระทำให้ตกลงมา ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวน ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 1 ธ.ค.2566 ที่สน.บางซื่อ นายเสฎฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี หรือโจ้ น้องชาย น.ส.ประกายแก้ว หรือแอน ผู้เสียชีวิต เดินทางมาขอใบบันทึกประจำวันกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เพื่อนำไปขอรับศพที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ กลับไปประกอบพิธีทางศาสนา

นายเสฎฐวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต

นายเสรฎฐวัฒิ กล่าวว่า ปกติแล้วพี่สาวจะพักอาศัยอยู่ที่แฟลตลักษณะเป็นห้องครอบครัว ภายใน แยกเป็นห้องพัก 2 ห้อง มีพี่สาว สามีและลูกชายวัย 2 ขวบ พักอยู่ห้องเดียวกัน ส่วนตนจะพักอีกห้องหนึ่ง โดยพี่สาวเปิดร้านขายของชำอยู่ที่ตึกนั้น

ส่วนตึกที่พบศพพี่สาวอยู่คนละตึกเรียกว่าตึกคู่ ซึ่งในอดีตพี่สาวเคยพักอยู่ที่ตึกนี้ แต่ย้ายออกมาได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ปัจจุบันพี่สาวไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ และไม่มีความจำเป็นต้องไปตึกนั้นเลย อีกทั้งจุดที่พบศพพี่สาว อยู่คนละฝั่งกับห้องที่พี่สาวเคยพักด้วยซ้ำ

โดยในคืนเกิดเหตุ สามีพี่สาวเล่าให้ฟังว่า พี่สาวนั่งดื่มสุรากับเพื่อนอยู่ที่ตึกเดี่ยว แล้วหลังจากนั้นพี่สาวก็แยกออกมา โดยให้สามีกลับห้องไปดูแลลูกก่อน จากนั้นพี่สาวก็หายตัวไป ตนมาทราบอีกทีตอนรุ่งเช้า ก่อนพยายามช่วยกันตามหาและสามีไปลงบันทึกประจำวัน ก่อนพบร่างพี่สาวในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม ตนได้ข้อมูลจากตำรวจว่า พบภาพวงจรปิดเห็นพี่สาวของตนเดินไปที่ตึกนั้น ในลักษณะท่าทางปกติ และมีการหันมองออกมาเหมือนว่ามีคนจะเรียก แล้วพี่สาวหันกลับไปและเดินขึ้นตึกที่เสียชีวิตเหมือนเดิม ก่อนหายตัวไปและพบเป็นศพในเวลาต่อมา

อีกทั้งมีภาพวงจรปิดอีกมุม แสดงให้เห็นว่า พี่สาวออกจากห้องน้ำและหยิบโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋าเสื้อ แต่ปรากฏว่าที่ศพของพี่สาวโทรศัพท์หายไป

ตนเชื่อว่าการเสียชีวิตของพี่สาวมีเงื่อนงำและยังติดใจในการเสียชีวิต ไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แม้ว่าพี่สาวจะมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นโรคมะเร็งไทรอยด์ระยะที่ 3 แต่ไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้พี่สาวต้องเครียดหรือกังวล เพราะที่ผ่านมาพี่สาวก็รักษาตัวอย่างดีมาโดยตลอด

อีกทั้งเขารักลูกและสามีของเขาเป็นอย่างมาก จึงไม่เชื่อว่าพี่สาวจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เชื่อว่าพี่สาวน่าจะถูกฆาตกรรม แต่จะเป็นการฆ่าชิงทรัพย์หรือไม่ตนไม่ทราบ เพราะที่แฟลตไม่มีประวัติเรื่องเหตุอาชญากรรมมาก่อน

อีกทั้งปกติแล้ว ตนกับพี่สาวจะพูดคุยกันตลอด ไม่เคยไม่สามารถโทรหาหรือติดต่อไม่ได้ ซึ่งติดต่อครั้งสุดท้ายในวันที่ 27 พ.ย. ตนได้ไลน์ทักหาพี่สาวตามปกติตอนหนึ่งทุ่ม ก่อนพี่จะเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง

ทั้งนี้ ตนได้ส่งข้อความสุดท้ายในวันที่ 28 พฤศจิกายน ถามพี่สาวว่าอยู่ไหน แต่ไม่มีการตอบกลับ และวันที่ 29 พฤศจิกายน ตนสามารถโทรเข้าเครื่องโทรศัพท์ของพี่สาวตนเองได้ แต่ไม่มีใครรับสาย ก่อนที่หลังจากนั้นจะไม่สามารถติดต่อโทรศัพท์ของพี่สาวได้อีกเลย

จุดที่พบร่างผู้เสียชีวิต

ส่วนตัวสามีของพี่สาวซึ่งชื่อหนุ่ย ตนไม่รู้สึกติดใจ เพราะหลังจากทราบข่าวว่าพี่สาวหายไปในช่วงเช้า สามีพี่สาวเป็นคนแรกที่ออกตามหา และไปแจ้งลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ อีกทั้งตอนที่ตั้งวงกินเหล้าในคืนวันลอยกระทง สามีพี่สาวยืนยันว่าคืนนั้น พี่สาวไล่ให้เขากลับไปดูลูกที่ห้องก่อน

โดยพี่สาวกับสามีคนนี้คบหากันมาได้ 5 ปีแล้ว มีลูกชายด้วยกัน 1 คน วัย 2 ขวบ ที่ผ่านมาก็มีทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆ แล้วก็คืนดีกัน ไม่เคยถึงขั้นทำร้ายร่างกายหรือมีปัญหากันภายในครอบครัวจนเกิดภาวะเครียดทั้งสองฝ่าย

ส่วนประเด็นที่ตั้งข้อสงสัยว่า เป็นการฆาตกรรมเพื่อล้างหนี้หรือไม่ นายโจ้กล่าวว่า ที่ผ่านมามีคนมาหยิบยืมเงินพี่สาวของตนจริง แต่เป็นจำนวนแค่หลักพันไม่ได้มากมาย และบางส่วนเป็นเพียงการเซ็นของในร้านชำ อีกทั้งที่ผ่านมาพี่สาวก็ไม่ได้มีอริหรือมีปัญหาใด กับใคร โดยหลังจากนี้จะนำศพพี่สาว ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน