พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนดคีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) เปิดเผยถึงการสอบสวนการทุจริตในบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ว่า ขณะนี้คดี STARK ได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว

คณะพนักงานสอบสวนได้มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นควรส่งพนักงานทำความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาในล็อตแรกจำนวน 11 ราย ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ และความผิดฟอกเงิน ในส่วนที่พบหลักฐานความผิดชัดเจนว่ารับโอนเงิน เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพทรัพย์สิน

ได้ส่งตัวผู้ต้องหาดังกล่าว และสำนวนการสอบสวนให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว และได้แยกดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องอีกส่วนหนึ่งเป็นสำนวนที่ 2

สำหรับเส้นทางการเงิน จากการสอบสวนพบว่าหลังการระดมทุนหุ้นกู้และหุ้นเพิ่มทุนราว 15,000 – 16,000 ล้านบาท ได้ถูกโอนไปยังบริษัทลูกอีกหลายทอด และมีการวนกลับมาเพื่อชำระหนี้ที่สร้างไว้ โดยเมื่อมีการชำระหนี้แล้ว

เงินดังกล่าวก็จะเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่วนเข้ามาหมุนเวียนในบริษัท ซึ่งได้เสนอให้ ปปง.ดำเนินการตรวจสอบต่อว่า เงินจำนวนดังกล่าวได้ถูกถ่ายโอน และชำระหนี้ที่ไหน เพื่อที่จะติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาดำเนินมาตรการคุ้มครองสิทธิให้ผู้เสียหายได้

“ในส่วนแรกเรามีความเห็นควรสั่งฟ้องล็อตแรกก่อน 11 ราย ที่เหลือจะมีการแยกไว้สอบสวนดำเนินคดี ทั้งในความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ รวมทั้งความผิดอาญาฐานฟอกเงิน หมายความว่าเงินที่กระจายไป

ถ้าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการระดมทุน และมีจำหน่ายจ่ายโอนไปยังบุคคลใด ท่านมีเจตนารู้ว่าเป็นทรัพย์ที่มาจากการกระทำความผิด ปปง.ก็จะยึดเพื่อมาดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้สเสียหาย ส่วนในทางอาญาดีเอสไอก็จะเอาผิดฐานฟอกเงิน ผู้โอน หรือผู้รับโอน มีโทษอาญาจำคุก 10 ปี ซึ่งจะดำเนินคดีทั้งหมด” พ.ต.ต. ยุทธนา กล่าว

ทั้งนี้สาเหตุที่แยกคดีออกเป็น 2 สำนวน เพราะว่าถ้ารวมเป็นเรื่องเดียวกันอาจจะใช้เวลานาน และทางดีเอสไอต้องการใช้ความเห็นสั่งฟ้องในชั้นอัยการ เพื่อดำเนินการติดตามผู้ต้องหาในต่างประเทศด้วย

พ.ต.ต. ยุทธนา กล่าวต่อว่า ในคดีหุ้น MORE ของ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ขณะนี้ ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาแล้วจำนวน 10 ราย จากทั้งหมด 32 ราย และกำลังทยอยเรียกมารับทราบข้อกล่าวหา คาดเสร็จสิ้นราวสิ้นเดือน ก.พ. 67 และจะส่งเรื่องให้อัยการ

นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ทรัพย์สินที่ยึดได้จาก STARK ในครั้งแรกมีจำนวนวน 350 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นของกลางในคดีพิเศษ

แต่ยังมีทรัพย์อีกชุดที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้อำนาจอายัดทรัพย์ชั่วคราวไว้จำนวนหลักพันล้านบาท ตอนนี้ ปปง.อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าทรัพย์สินดังกล่าว ตรงกับทรัพย์ก้อนไหนที่จะสามารถดำเนินตามกฎหมายฟอกเงินได้ คาดว่าวันที่ 9 ม.ค.67 จะมีความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน