กสทช.-ตร.ทลายคลังวิทยุสื่อสารเถื่อนในจ.ปทุมธานี ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยึดกล้องวงจรปิดใส่ซิมการ์ด อุปกรณ์เกี่ยวข้อง 58,400 รายการ ค่ากว่า 200 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 11 ธ.ค.66 ศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (ประธานกสทช.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดร.ณัฐธร เพราะสุนทร กสทช. ด้านกฎหมาย และประธานอนุกรรมการบูรณาการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีฯ, พล.ต.ท.ดร. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. ดูแลงานด้านอาชญากรรมเทคโนโลยี,

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการ กสทช., พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท., นายจาตุรนต์ โชคสวัสดิ์ ผอ.สำนักกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และชุดปฏิบัติการ กสทช. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, แถลงผลการกวาดล้างคลังอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อน กวนสัญญาณมือถือ มุ่งตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล

พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากการที่ กสทช.และตำรวจ ร่วมกันจับกุมและตรวจยึดอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อน และอุปกรณ์เทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้ก่ออาชญากรรม เช่น กล่องบรรจุซิมอิเล็กทรอนิกส์ (Sim box), เสาสัญญาณปลอม (False base station) เป็นต้น ได้หลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เชื่อได้ว่า มีการลักลอบนำอุปกรณ์ดังกล่าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยการแยกชิ้นส่วน หรือ ซุกซ่อนมากับอุปกรณ์ประเภทอื่น โดยผิดกฎหมาย

จากการสืบสวนทราบว่า มีแหล่งจำหน่ายและคลังเก็บสินค้าอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นผิดกฎหมาย กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ ประกอบกับมีการแจ้งเบาะแสว่ามีอุปกรณ์ส่งสัญญาณกวนมือถือ ทำให้คุณภาพของสัญญาณโทรศัพท์ลดลง เอื้อกลุ่มแก๊งอาชญากรออนไลน์ เจ้าหน้าที่ กสทช. จึงขอหมายค้นต่อศาล เพื่อเข้าตรวจค้นคลังสินค้าต้องสงสัยในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี








Advertisement

ผลการตรวจค้น แม้ไม่พบอุปกรณ์ดังกล่าวโดยกายภาพ แต่พบเครื่องวิทยุคมนาคมเถื่อน ลักษณะคล้ายกล้องวงจรปิดใส่ซิมการ์ด และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก จึงได้ยึดอายัดส่งตรวจพิสูจน์ถึงวัตถุประสงค์การใช้ และจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 มาตรา 6

ที่กำหนด “ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต” ระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

พล.ต.ท.ธัชชัย กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในการตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ สามารถยึดของกลางได้จำนวน 58,400 รายการ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ส่งตรวจพิสูจน์ถึงวัตถุประสงค์การใช้ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลำลูกกา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ตำรวจ และ กสทช. จะบูรณาการเดินหน้ากวาดล้างต่อเนื่องแหล่งจำหน่ายอุปกรณ์วิทยุคมนาคมเถื่อน และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เพื่อตัดต้นตอแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และองค์กรอาชญากรรมออนไลน์ ไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมเถื่อนที่ใช้ในการกระทำความผิดได้โดยง่าย ป้องกันคนไทยไม่ให้ถูกหลอกลวง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน