กระทรวงการต่างประเทศ ติดตามต่อเนื่อง ช่วยตัวประกันไทยอีก 8 คน สถานทูตแจ้งข่าว ตัวประกันเสียชีวิต 19 ราย แต่ยังไม่ระบุสัญชาติ
วันที่ 15 ธ.ค.2566 ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าผลกระทบต่อคนไทยในสถานการณ์อิสราเอล-กาซาว่า ยอดผู้เสียชีวิตคงเดิม 39 ราย บาดเจ็บ 18 คน โดยอยู่ระหว่างการรักษาพยาบาลคงเดิม 3 คน และผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกันคงเดิม
ในส่วนผู้ที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 32 คน กลับไทยแล้ว 23 คน (ก่อนหน้านี้ สถานทูตแจ้งพบ 1 คน สามารถหลบหนีไปได้ขณะเกิดเหตุและไปทำงานที่อื่น) เหลือตัวประกันที่ยังคงถูกควบคุมตัว 8 คน
นางกาญจนากล่าวว่า สถานการณ์การช่วยตัวประกัน มีความพยายามเจรจาหยุดยิงระหว่างฝ่ายต่างๆเพื่อให้หยุดยิง จะได้ปล่อยตัวประกัน โดยเฉพาะระหว่างอิสราเอล อียิปต์และกาตาร์
โดยเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ประเทศไทยร่วมกับสหประชาชาติหรือยูเอ็น รวมทั้งสิ้น 153 ประเทศ ได้รับรองร่างข้อมติของอียิปต์ ที่เสนอในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติวาระพิเศษฉุกเฉิน สมัยที่ 10 เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลางโดยเฉพาะการปกป้องพลเรือนและการยึดมั่นในพันธกรณีด้านกฎหมายและมนุษยธรรมที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็น นครนิวยอร์ก
ร่างมติมีสาระสำคัญ 3 ประเด็น ได้แก่ การเรียกร้องการหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมโดยทันที การปล่อยตัวประกันโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไขและการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ
“เราถือว่าทั้ง 3 ประเด็นมีความสำคัญ มีนัยยะ มีผลกระทบต่อคนไทยที่เป็นตัวประกันทั้ง 8 คนด้วย เพราะการหยุดยิง จะสามารถปล่อยตัวประกันได้” นางกาญจนากล่าว
นางกาญจนากล่าวอีกว่า สถานทูต แจ้งมีตัวประกันเสียชีวิต 19 ราย แต่ในข่าวไม่ได้ระบุสัญชาติ ซึ่งสถานทูตติดตามรายละเอียดต่อไป เอกอัครราชทูตไทยยังเจรจากับมิตรประเทศในการช่วยเหลือประกัน ฝากญาติพี่น้องไม่ต้องห่วงกังวล ทางการยังติดตามต่อเนื่อง
นางกาญจนา กล่าวอีกว่า ตนมีโอกาสไปเยี่ยมผู้ป่วย เมื่อครั้งเดินทางไปกับคณะนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศ เมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ตนขอชื่นชมคนป่วยที่มีกำลังใจอย่างดีแม้อยู่ในสถานพยาบาล ผู้ป่วยมีสภาพจิตใจและการฟื้นตัวต่างๆ ในทิศทางที่ดีขึ้นมากและขอส่งกำลังใจไปยังพี่น้องคนไทยที่ยังรักษาตัวอยู่ทั้ง 3 คน
สำหรับภาพรวมการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล นับตั้งแต่มีการปิดศูนย์พักพิงที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเน็นตัลและได้ย้ายมาที่สถานทูตในกรุงเทลอาวีฟแทน โดยตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย.-13 ธ.ค. 2566 เจ้าหน้าที่สถานทูตช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกคนไทยที่ต้องการกลับบ้าน สำรองบัตรเครื่องบิน ทำเอกสาร รวมถึงนำส่งสนามบินรวม 103 คน และให้คำแนะนำทางโทรศัพท์ 177 คน และให้คำแนะนำผู้ที่มาติดต่อที่สถานทูต 80 คน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตอนนี้ทีมจากกระทรวง ได้เดินทางกลับมาแล้ว แต่สถานทูตยังทำงานหนักต่อไป ซึ่งสถานการณ์สู้รบยังมีอยู่ แต่ไม่มีส่วนกระทบคนไทยที่ตัดสินใจอยู่ต่อในอิสราเอล ซึ่งอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย