เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 6 มี.ค. ที่บ้านเลขที่ 20/8 และ 20/20 ภายในซอยสุขุมวิท 39 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพฯ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร พร้อมด้วยพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/4 เข้าจับกุมตัวนายฮาร์ปรีท ซิงห์ สัญชาติอินเดีย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 (ไอซ์ หรือ แอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นนายทุนผู้สนับสนุนการเงินรายใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเครือข่ายค้ายาเสพติดทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน โดยในวันนี้ได้มีการเข้าตรวจค้นเครือข่ายค้ายาเสพติดทั่วประเทศ 30 จุดพร้อมกัน โดยมีจุดใหญ่ 3 จุด เกี่ยวข้องกับนายฮาร์ปรีท ซิงห์ พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินกว่า 160 ล้าน

โดยขณะจับกุมนายฮาร์ปรีท ซิงห์ ได้พบกับภรรยา ลูกชายและลูกสาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจค้นภายในบ้าน โดยมีภรรยาและลูกสาวของนายฮาร์ปรีท ซิงห์ นำตรวจ ส่วนนายฮาร์ปรีท ซิงห์ และลูกชายนั่งเจรจากับเจ้าหน้าที่บริเวณห้องรับแขก โดยทั้งสองสามารถพูดและสื่อสารภาษาไทยได้ โดยให้การปฏิเสธ ทางด้านลูกชาย เผยว่า ขอยังไม่พูดอะไรมาก เนื่องจากยังไม่ทราบข้อหา ข้อหาที่ถูกแจ้งมานั้น เคยถูกแจ้งไปเมื่อปี 2560 ซึ่งตนไม่รู้เรื่อง และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้สืบเนื่องจากการจับกุมไอซ์ หนัก 400 กิโลกรัม เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2560 จนสืบทราบว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้ผู้ต้องหาทั้ง 12 รายที่จับกุมไป ซึ่งนายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นคนโอนเงินให้กับธุรกิจเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยจำนวนเงินที่พบว่ามีการโอนขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3 ล้าน ซึ่งจะต้องขยายผลจับกุมเพิ่มเติมว่ามีการโอนเงินไปแล้วเท่าไหร่

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนและขยายผลเป็นเวลากว่า 8 เดือน จึงทราบว่านายฮาร์ปรีท ซิงห์ มีเทคนิคคือทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้า ตัดสูท ย่านสุขุมวิท, มีห้องเช่า ห้องแถว และปล่อยเงินกู้เพื่อบังหน้า แต่ภายหลังจะคอยโอนเงินสนับสนุนให้กับรายย่อย โดยนายฮาร์ปรีท ซิงห์ จะไม่จับหรือครอบครองยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงไม่พบของกลาง

 

ด้านพล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ สมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือธุรกิจค้ายาเสพติด ยกตัวอย่าง เช่น คดีการจับยาเสพติดที่เคยจับได้ นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นผู้โอนเงินให้กับผู้ค้าเพื่อไปซื้อรถสำหรับใช้ขนย้ายยาเสพติด จึงเห็นได้ชัดว่าเกี่ยวข้องโดยตรง ตอนนี้ยังให้การปฏิเสธ เป็นปกติของผู้ต้องหาจะปฏิเสธ เพราะหากรับสารภาพเลยมทันทีคงจะง่ายเกินไป เนื่องจากผู้ต้องหาฝังตัวอยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว

พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวอีกว่า การจับกุมเมื่อครั้งก่อน ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี จึงได้เอกสารสำคัญเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน เราจึงนำเอกสารดังกล่าวมาสืบสวนขยายผลจับกุมเพิ่มเติม ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาในลักษณะที่ไม่ครอบครองยาเสพติดถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะต้องอธิบายและชี้แจงต่อศาลให้ชัดเจนและต้องมีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะออกหมายจับได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานสำคัญบ่งบอกเส้นทางการเงินของนายฮาร์ปรีท ซิงห์ จึงสามารถออกหมายจับได้ ผู้ต้องหารายนี้หากเปรียบได้ก็เป็นพ่อของเอกอ้วน ซึ่งพ่อจะสั่งให้ลูกทำ อย่างน้อยตอนนี้เราจับรายใหญ่ได้ ต่อไปจะเป็นขั้นตอนการขยายผลจับกุม ซึ่งทราบว่าผู้ต้องหารายนี้เพิ่งกลับจากสิงคโปร์ เหตุที่ผู้ต้องหาเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง ไปทำอะไร ที่ไหน และไปหาใคร

 

ด้านเพื่อนบ้านของนายฮาร์ปรีท ซิงห์ เปิดเผยว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ อาศัยอยู่บ้านหลังนี้มานานกว่า 15 ปีแล้ว เป็นคนที่ชอบทำบุญ จึงเชื่อว่าเรื่องนี้อาจจะมีการใส่ร้ายกลั่นแกล้งกันทางธุรกิจหรือไม่ แต่หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานที่แน่นหนาและชัดเจน ก็ต้องยอมรับความจริง

 

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่นำตัว นายฮาร์ปรีท ซิงห์ ไปสอบปากคำเพิ่มที่กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) เพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน