เจ้าของค่ายเพลงดัง-ศิลปิน ตุ๋น 2 พันล้าน ตร.สืบพบหลังดับสลด จับญาตินับสิบร่วมฟอกเงิน พบแอบอ้างโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ลวงเหยื่อสูญเงิน

วันที่ 11 ม.ค.67 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รองผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พร้อมคณะ นำโดย พ.ต.ท.รัฐมนตรี พันชูกลาง สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. และข้าราชการตำรวจ บก.ป. ร่วมกันจับกุม น.ส.รัชญา อายุ 33 ปี ผู้บริหาของค่ายเพลงและนักร้อง นายณัฏฐ์สันธิษณ์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 61/2567 ลง 8 ม.ค.67 น.ส.ณัฐรดา อายุ 58 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 62/2567 ลง 8 ม.ค.67 น.ส.รัชนก อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 63/2567 ลง 8 ม.ค.67 นายนพันษกรณ์ อายุ 57 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 64/2567 ลง 8 ม.ค.67

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอสารราชการปลอม, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด, ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน”

พร้อมคุมตัวอีก 6 คน ได้แก่ นายสรวัฒ อายุ 62 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 65/2567 ลง 8 ม.ค.67 นางมนชยา อายุ 62 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 66/2567 ลง 8 ม.ค.67 นายพุทธิวัฒน์ อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 67/2567 ลง 8 ม.ค.67 น.ส.ฤมลชนก อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 68/2567 ลง 8 ม.ค.67 นายณัฏฐ์สันต์ทัศน์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 69/2567 ลง 8 ม.ค.67 น.ส.สงกรานต์ อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 70/2567 ลง 8 ม.ค.67 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงิน, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน”

พฤติการณ์คดี สืบเนื่องจาก เมื่อช่วงเดือนพ.ค.2566 มีกลุ่มผู้เสียหายจำนวนหลายราย เข้าร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ว่าเมื่อปี 2559 น.ส.รัชญา ผู้ต้องหา อ้างว่ารู้จักกับสถาบันการเงิน สามารถเข้าถึงโครงการเงินกู้วงเงินสูงอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยแอบอ้างหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ชักชวนกลุ่มผู้เสียหายเข้าร่วมลงทุน จนทำให้สูญเงินกว่า 2,000 ล้านบาท

ต่อมาภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง ตำรวจสอบสวนกลาง จึงมอบหมายให้ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าทำการสอบสวนคดีดังกล่าว เพื่อทำการสืบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว

จากการสืบสวนทราบว่า เมื่อต้นปี 2559 มีคนแนะนำให้ผู้เสียหายรู้จักกับ น.ส.รัชญา บอกว่าสามารถติดต่อดำเนินเรื่องการกู้เงินจ่ายธนาคารเกี่ยวกับธุรกิจ SME วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ และใช้เวลาอนุมัติไม่นาน ผู้เสียหายสนใจจึงทำการติดต่อนัดพบกันวันที่ 10 ม.ค.59 น.ส.รัชญา อธิบายขั้นตอนการกู้เงิน และแหล่งที่มาของเงิน โดยอ้างว่าเงินดังกล่าวเป็นเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง

ขณะนั้นได้นำเงินกู้ SME มาจากต่างประเทศ ดอกเบี้ยต่ำประมาณ 1-2 % ต่อปี ระยะผ่อนคืนประมาณ 20 ปี ใช้เวลาดำเนินการ 45 วัน ผู้เสียหายต้องการเงินไปทำธุรกิจ จึงทำสัญญานายหน้ากับ น.ส.รัชญา ในวงเงิน 50 ล้านบาท โดยจ่ายค่ามัดจำนายหน้าแก่ น.ส.รัชญาไว้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อถึงกำหนด อ้างว่าติดค่าธรรมเนียม นำหนังสือเอกสารธนาคาร หน่วยงานราชการ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ผู้เสียหายได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.รัชญา








Advertisement

ต่อมาผู้เสียหาย ทำสัญญานายหน้ากับ น.ส.รัชญา เพิ่มเติมอีกในวงเงิน 40 ล้านบาท โดยได้ให้ค่ามัดจำนายหน้าไว้ส่วนหนึ่งเช่นกัน น.ส.รัชญาฯ ก็เริ่มมีการอ้างรูปแบบการเรียกค่าธรรมเนียมในการเบิกถอนเงินจากผู้เสียหายเรื่อยมา และในห้วงหลังได้มีการแอบอ้างองคมนตรี เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่ผู้เสียหายมากยิ่งขึ้น

ต่อมาประมาณปี 2563 ผู้เสียหายไม่สามารถหาเงินโอนจ่ายให้แก่ น.ส.รัชญา ที่อ้างว่าเป็นค่าธรรมเนียม น.ส.รัชญา จึงแนะนำให้ผู้เสียหาย ชักชวนให้บุคคลอื่นมาร่วมจ่ายค่าธรรมเนียมดังกล่าว เนื่องจากผู้ต้องหาอ้างว่าอ้างว่าหากไม่ได้เงินมาตามจำนวนที่แจ้งไป จะทำให้เงินที่ผู้เสียหายเคยลงทุนนั้นสูญเปล่า จากนั้นผู้เสียหายจึงได้ทำการเชิญชวนผู้เสียหายรายอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา

จากนั้นต้นปี 2564 น.ส.รัชญา ได้แจ้งว่าบัญชีของตนถูก ปปง. อายัด ได้ให้ผู้เสียหายโอนค่าธรรมเนียมนั้นไปยังบัญชีใหม่ในบัญชีเครือญาติอีกจำนวนหลายบัญชี

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ม.ค.66 น.ส.รัชญา เสียชีวิตลงกะทันหัน ด้วยโรคประจำตัว ผู้เสียหายทั้งหมด จึงตรวจสอบว่าเงินที่ น.ส.รัชญา ได้ไปดำเนินการอย่างไรต่อ จึงทราบว่าไม่มีโครงการกู้ยืมเงินดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด และเป็นการแอบอ้างหน่วยงานต่างๆ ปลอมเอกสารธนาคาร ให้มีความน่าเชื่อถือ เป็นเพียงกลอุบายของผู้ต้องหาทั้งสิ้น ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี ที่หลอกลวงผู้เสียหายลักษณะเดียวกันซ้ำไปซ้ำมา จึงเข้าข่ายการฉ้อโกงเป็นปกติธุระ

ตรวจสอบประวัติของ น.ส.รัชญา พบว่า ก่อนเกิดเหตุ ประกอบอาชีพ ขายของออนไลน์ ภายหลังจากการมีเงินจากการหลอกลวง ได้สร้างบริษัทค่ายเพลง ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงในวงการ มียอดการรับชมกว่า 8 ล้านวิว ตรวจสอบเส้นทางการเงิน ในบัญชีเงินฝาก น.ส.รัชญา พบว่ามีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท โอนไปยังบัญชีธนาคารของเครือญาติ มีการซื้อทรัพย์สินต่าง ๆ รถหรู บ้าน ของแบรนด์เนม ที่น่าเชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิด

ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.67 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำกำลังเข้าตรวจค้น จำนวน 19 จุด ในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ ปทุมธานี กรุงเทพมหานคร นครราชสีมา พิษณุโลก เชียงใหม่ กำแพงเพชร และสมุทรปราการ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จำนวน 10 คน ซึ่งเป็นเครือญาติที่พบการผ่องถ่ายเงิน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สิน จำนวนกว่า 279,178,683 บาท ได้แก่

1. รถยนต์หรู จำนวน 1 มูลค่า 27 ล้านบาท
2. รถยนต์ จำนวน 6 คัน มูลค่า 6.5 ล้านบาท
3. เงินสด จำนวน 554,800 บาท
4. กระเป๋าแบรนด์เนม จำนวน 59 ใบ มูลค่า 4,515,000 บาท
5. นาฬิกาแบรนด์เนม จำนวน 6 เรือน มูลค่า 2,000,000 บาท
6. เครื่องประดับ จำนวน 41 รายการ มูลค่า 2,700,000 บาท
7. แว่นตาแบรนด์เนม จำนวน 38 รายการ มูลค่า 600,000 บาท
8. หมวกแบรนด์เนม จำนวน 20 ใบ มูลค่า 300,000 บาท
9. กีตาร์ จำนวน 3 ตัว มูลค่า 550,000 บาท

พร้อมทั้งอายัดเงินสดในบัญชีธนาคาร จำนวนกว่า 174 ล้านบาท และอายัดอสังหาริมทรัพย์ มูลค่า 60 ล้านบาท หลังจากนั้น จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางนำส่ง คณะพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต.โสภณ กล่าวว่า เมื่อปี 2559 น.ส.รัชญา หรือ ใบขวัญ ยอดแก้ว พร้อมกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 10 ราย ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นโดยอ้างว่ารู้จักกับสถาบันการเงิน สามารถเข้าถึงโครงการเงินกู้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำได้ พร้อมกับแอบอ้างชื่อองคมนตรี หน่วยงานราชการต่างๆ ทำให้ดูน่าเชื่อถือ หากใครที่ต้องการกู้เงินไปลงทุนทำธุรกิจ สามารถดำเนินการผ่านตนเองได้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องยอมจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นบางส่วน จนมีผู้ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมให้ รวมแล้วกว่า 300 คน มีตั้งแต่หลัก 10 ล้านไปจนถึงร้อยล้านบาท เพียงเพราะหวังต้องการจะได้เงินกู้เงินหลักพันล้านบาทมาทำธุรกิจ

พล.ต.ต.โสภณ กล่าวต่อว่า ต่อมาช่วงต้นปี 2566 น.ส.รัชญา เกิดเสียชีวิตลงกะทันหันด้วยโรคประจำตัว กลุ่มผู้เสียหายทั้งหมด จึงทำการตรวจสอบว่าเงินที่น.ส.รัชญา ได้ไปดำเนินการอย่างไรต่อ กระทั่งทราบว่าไม่มีโครงการกู้ยืมเงินดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งหมดเป็นการแอบอ้างสร้างเรื่องขึ้นมา จากแนวทางสืบสวนยังพบว่าเดิมที น.ส.รัชญา นั้นประกอบอาชีพ ขายของออนไลน์ แต่หลังจากได้เงินที่หลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วนั้น จึงนำมาสร้างบริษัทค่ายเพลง ร่วมงานกับศิลปินที่มีชื่อเสียงในวงการ เพื่ออำพรางแหล่งที่มาเงินรายได้อีกด้วย

จากการสอบสวนผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยังคงให้การภาคเสธ ยอมรับเพียงว่าเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารจริง แต่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการหลอกลวงเงินผู้คน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ ก็จะทำการตรวจสอบการได้มาของทรัพย์สินทั้งหมดอย่างละเอียดต่อไป ส่วนตัวผู้ต้องจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน