เผยปมฆ่า หัวหน้ารปภ. ยิงผู้จัดการ-ครูฝึก บริษัทคู่แข่ง 3 ศพ เผยโดนลดบทบาทหน้าที่ลง ทำให้ไม่พอใจ โหดตามไล่ยิงระบายแค้น พนักงานถูกลูกหลงเจ็บ
เมื่อวันที่ 13 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อไพรวัลย์ ปี่แก้ว ร้อยเวร สภ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันภายใน ที่บริเวณในโรงไฟฟ้า ประตู 3 ม.4 ต.บ้านไร่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี จึงรายงานให้ พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ราชบุรี พ.ต.อ.นนท์ ภักดีพันธ์ ผกก.สภ.ดำเนินสะดวก ได้รับทราบ ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลดำเนินสะดวก เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างราชบุรี
จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 3 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ 1.นายพิเชษฐ์ เหลือมละไล อายุ 55 ปี ผู้จัดการบริษัท เฮสอาร์โปร ถูกยิงเข้าตามลำตัวหลายนัด 2.นายชนรพ ผาดี อายุประมาณ 50 ปี รองผู้จัดการบริษัทฯ ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และ 3.นายชาคริต นาคประดิษฐ์ อายุ 52 ปี ครูฝึกการ์ด ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะ
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ นายสาธิต มีวงศ์ อายุ 50 ปี พนักงานของบริษัทฯ ถูกยิงเข้าที่บริเวณท้อง ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลดำเนินสะดวก ไปก่อนหน้านี้แล้วทราบว่าอาการสาหัส
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายบุญเลิศ สายสิทธิ์ หัวหน้าชุดรปภ.ของบริษัท บิลเลี่ยนการ์ด ซึ่งเป็นบริษัทการ์ดเดิม ที่เคยทำงานในโรงไฟฟ้า แต่ต่อมาทางโรงไฟฟ้าว่าจ้าง บริษัท เฮสอาร์โปร จำกัด เข้ามาให้ช่วยบริษัทบิลเลี่ยนการ์ด ดูแลพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า และก่อนเกิดเหตุทั้ง 2 บริษัทพูดคุยกันถึงเรื่องของความรับผิดชอบพื้นที่
โดยลดบทบาทหน้าที่ของบริษัทบิลเลี่ยนการ์ดลง ทำให้ผู้ก่อเหตุเกิดความไม่พอใจ จึงบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยิงนายพิเชษฐ์ ก่อนที่นายพิเชษฐ์จะวิ่งหนีไปเสียชีวิตในห้อง ส่วนนายชาคริต ครูฝึกและเห็นเหตุการณ์กระโดดล็อคคอมือปืน และเกิดการต่อสู้กัน ก่อนจะพลาดท่าถูกนายมือปืนจ่อยิงจนเสียชีวิต
จากนั้นมือปืนก็เดินไปตามหานายพิเชษฐ์ ซึ่งไปเสียชีวิตที่ด้านใน ก็ไปพบกับนายชนรพ รองผู้จัดการ จึงยิงไปอีกราย ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 3 ศพ ส่วนนายสาธิตผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นถูกลูกหลงและหลบได้ทัน หลังก่อเหตุมือปืนได้ขับรถกระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บว8666ราชบุรี ขับหลบหนีไป สุดท้ายเจ้าหน้าที่สามารถไปติดตามจับกุมได้ที่บ้านในพื้นที่อ.ดำเนินฯ
ซึ่งในพื้นที่นั้นห้ามสื่อเข้าไปบันทึกภาพ โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไปด้านใน
