เมียเสี่ยชัช เศร้า พาลูกชายวัย 2 ขวบ รับศพ เปิดใจเล่าความสัมพันธ์ เผย ข้อความบอกลา เผย รู้แอบคบ หวานเจี๊ยบ ยอมรับฝ่ายชายทำธุรกิจสีเทา

จากกรณี นายตฤณ (สงวนนามสกุล) หรือ เสี่ยชัช ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงแฟนสาว หวานเจี๊ยบ เน็ตไอดอลคนดังเสียชีวิต ที่ห้องพักย่านห้วยขวาง ก่อนจะขับรถหลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่ห้องพักคอนโดแห่งหนึ่งย่านสนามบินน้ำ และก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกโม่ปลิดชีพตัวเองเพื่อหนีความผิด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 23 ม.ค.2567 ที่นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ น.ส.ธารารัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ภรรยาของเสี่ยชัช พร้อมลูกชายวัย 2 ขวบ เดินทางมาร่วมรับศพนายตฤณ หรือ เสี่ยชัช

เมียเสี่ยชัช เศร้า พาลูกชายวัย 2 ขวบ รับศพ เปิดใจเล่าความสัมพันธ์ เผย ข้อความบอกลา เผย รู้แอบคบ หวานเจี๊ยบ

เมียเสี่ยชัช เศร้า พาลูกชายวัย 2 ขวบ รับศพ เปิดใจเล่าความสัมพันธ์ เผย ข้อความบอกลา เผย รู้แอบคบ หวานเจี๊ยบ

น.ส.ธารารัตน์ กล่าวว่า ได้คบหากับเสี่ยชัช มาประมาณ 5 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ระหว่างที่คบกันฝ่ายชายค่อนข้างเป็นคนนิสัยใจร้อน ขี้หึง และเคยลงไม้ลงมือกับตนมาก่อนเช่นกัน แต่ตนก็ไม่ได้โทษฝ่ายชายคนเดียว เพราะตนก็เป็นคนค่อนข้างอารมณ์ร้อนเช่นกัน จึงเกิดการปะทะคารมกันไปมา แต่เรื่องก็จบแค่นั้น ไม่เคยถึงขั้นรุนแรงเอาปืนมาจ่อหรือใช้อาวุธ

ภรรยาเสี่ยชัช เล่าอีกว่า นอกจากนี้ระหว่างที่ตนเองตั้งท้องก็ทราบว่าสามีแอบไปมีคนอื่น ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเนื่องจากฝ่ายชายเป็นคนเจ้าชู้ โดยช่วงแรกยอมรับว่าได้ตามฝ่ายชายไปเพื่อขอเจอผู้หญิงอีกคน จนเกิดการปะทะคารมกันมาแล้ว

และตนก็ขอให้ฝ่ายชายเลิกกับผู้หญิงคนนั้น แม้ฝ่ายชายจะบอกว่าเลิกติดต่อไปแล้ว แต่สุดท้ายตนก็จับได้ว่ายังติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่ หลังจากที่ตนรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยสามีได้ จึงเริ่มทำใจ และปล่อยให้สามีออกไปใช้ชีวิต

น.ส.ธารารัตน์ กล่าวอีกว่า เหลือเพียงแต่ความสัมพันธ์ “พ่อกับแม่” ของลูกเท่านั้น ซึ่งฝ่ายชายก็รับผิดชอบเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ระหว่างใช้ชีวิตบนความสัมพันธ์แบบนี้ ฝ่ายชายก็เคยบอกว่า “ไม่สามารถที่จะเลิกกับใครได้ เพราะรักและเป็นห่วงทั้งคู่” และตนก็เคยบอกกับเสี่ยชัชว่า ไม่อยากมาอยู่ในวังวนความรักแบบนี้แล้ว อยากออกไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ โดยโฟกัสลูกชายเป็นหลัก








Advertisement

ภรรยาเสี่ยชัช กล่าวว่า ในวันที่เกิดเรื่องไม่ทราบว่าฝ่ายชายไปหาฝ่ายหญิงมาก่อน เนื่องจากที่ผ่านมาก็ไม่ได้ติดต่อ หรือรู้ความเคลื่อนไหวกันอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่ตนจะทราบจากเพื่อนของฝ่ายชายมากกว่า จึงไม่ทราบว่าฝ่ายชายไปก่อเหตุยิงฝ่ายหญิงมาแล้ว

จนเวลาประมาณ 05.08 น.ของวันที่ 21 ม.ค. ฝ่ายชายโอนเงินมาให้ตน 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเงิน 49,999 บาท พร้อมเขียนบันทึกช่วยจำในสลิปว่า “ลาก่อน” ครั้งที่ 2 โอนเงิน 40,000 บาท พร้อมเขียนบันทึกช่วยจำในสลิปว่า “ฝากลูกด้วย”

ก่อนที่เวลา 05.18 น. ฝ่ายชายจะไลน์มาหาพร้อมข้อความว่า “รหัสคอนโด… เผื่ออยากมาหา ลาก่อนนะไม่ต้องทุกข์เพราะพี่อีกแล้ว” หลังจากนั้น ช่วง 07.00 น. ฝ่ายชายก็ได้โทร.ให้ตนเองไปหาที่คอนโดย่านนนทบุรี

เท่าที่ได้คุยก็สังเกตสีหน้าฝ่ายชายดูค่อนข้างเครียด แต่ก็ไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์อะไรให้ฟัง ตนก็ไม่ได้ถามเช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเอาเงินสดให้ตนประมาณ 100,000 บาท ก่อนจะแยกย้ายกันไป ต่อมาจึงมาทราบว่าฝ่ายชายก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิต

น.ส.ธารารัตน์ กล่าวด้วยว่า หลังเกิดเหตุตนได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า “R.I.P ขออโหสิกรรมต่อกันและกันแล้วนะคะ หมดเวรหมดกรรมต่อกันแล้ว ขอให้ทั้งคู่ไปสู่ภพภูมิที่ดี” เพราะระหว่างที่ตนอยู่ในความสัมพันธ์แบบรักสามเส้า ก็เคยมีการปะทะหรือเคยพูดด่ากับฝ่ายหญิงมาก่อน พอหลังจากทั้งคู่เสียชีวิตก็อยากหมดเวรหมดกรรมซึ่งกันและกัน จึงได้อโหสิกรรมให้ทั้งคู่

เมื่อสอบถามถึงธุรกิจของเสี่ยชัช น.ส.ธารารัตน์ ยอมรับว่า เสี่ยชัชทำธุรกิจสีเทาจริง รวมถึงเว็บพนันออนไลน์ แต่ไม่ทราบรายละเอียดว่าทำอะไรกับใครบ้าง เพราะไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว โดยเฉพาะเรื่องเงิน ที่ผ่านมาทราบอยู่แล้วว่าฝ่ายชายเป็นคนเจ้าชู้ และเลี้ยงดูให้เงินกับผู้หญิงหลายคน

ภรรยาเสี่ยชัช กล่าวว่า ส่วนพริตตี้สาวที่เสียชีวิตตนทราบอยู่แล้วว่าทั้งคู่แอบคบหากัน โดยคบกันขณะที่ตนตั้งท้องลูกชาย เมื่อทราบตนก็ทะเลาะกับฝ่ายหญิง และโพสต์ต่อว่ากันผ่านโซเชียล แต่เมื่อคลอดลูก ตนรู้สึกโตขึ้น โฟกัสลูกมากขึ้น จึงตีตัวออกห่าง เพราะกลัวว่าหากลูกโตจะทราบเรื่องและรู้สึกไม่สบายใจ

ส่วนข่าวที่เพื่อนของหวานเจี๊ยบให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุเสี่ยชัชไปยืมเงินหวานเจี๊ยบ 5 แสนบาทนั้น ตนไม่ทราบ และไม่รู้ เพราะฝ่ายชายไม่เคยบอกอะไร และไม่เคยเอาปัญหาธุรกิจมาปรึกษา หลังจากนี้หากตำรวจจะขอตรวจสอบเส้นทางการเงินต่างๆ ของตน ก็ยินดี และไม่ได้กังวลอะไร เพราะอย่างรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์ ป้ายแดง ที่ตนใช้อยู่ทุกวันนี้ ก็ซื้อดาวน์ด้วยตัวเอง

ภรรยาเสี่ยชัช กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุที่ตนรู้สึกตกใจมากก็คือ เรื่องที่ลูกชายวัย 2 ขวบของตนได้เรียกชื่อของพ่อว่า “ปาป๊า” อยู่ 3 รอบ แล้วทำท่าเหมือน “ปั๊มหัวใจ” ก่อนจะบอกว่าตอนนี้พ่อไปอยู่บนดวงดาวแล้ว

เช่นเดียวกับช่วงรับศพ ลูกชายก็ได้ตะโกนตามหลังช่วงที่เข็นศพขึ้นรถว่า “ปะป๊าๆ ตายแล้ว”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน