จับคาม่านรูด หนุ่มบัญชีม้า แก๊งหลอกโหลดแอปฯดูดเงิน คุย 30 นาที สูญ 150,000 บาท เผย ยังไม่ทันได้มีความสุข หลังนัดเดทสาวเมืองกรุง เปิดปากสารภาพสิ้น

วันที่ 27 ก.พ.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ และ พ.ต.ท.พิทักษ์ ศรีกะแจะ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวฯ นำกำลังชุดปฏิบัติการที่ 3

เข้าทำการจับกุมตัว นายวัฒนา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ชาว อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดอ่างทอง ที่ 35/2567 ลงวันที่ 7 ก.พ.67 ข้อหา

จับคาม่านรูด หนุ่มบัญชีม้า แก๊งหลอกโหลดแอปฯดูดเงิน คุย 30 นาที สูญ 150,000 บาท เผย ยังไม่ทันได้มีความสุข หลังนัดเดตสาวเมืองกรุง

จับคาม่านรูด หนุ่มบัญชีม้า แก๊งหลอกโหลดแอปฯดูดเงิน คุย 30 นาที สูญ 150,000 บาท เผย ยังไม่ทันได้มีความสุข หลังนัดเดตสาวเมืองกรุง

“โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา

และฉ้อโกงทรัพย์หรือเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน

ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนพัฒนาการ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากประชาชนผู้เดือดร้อน ผ่านเพจสืบนครบาลว่า ได้สั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แต่ไม่ได้รับสินค้า ต่อมาคนร้ายได้แจ้งจะคืนเงินให้แทนสินค้า

แต่ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวพร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและสแกนใบหน้าเป็นเหตุให้ผู้เสียหายถูกดูดเงินจำนวน 150,000 บาท ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับเจ้าของบัญชีม้าและชื่อเจ้าของ ผูกกับโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ จึงร้องขอให้สืบนครบาลช่วยติดตามจับกุม

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2566 ผู้เสียหายได้สั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มขายของออนไลน์ แต่ไม่ได้รับสินค้าแต่อย่างใด จึงได้ติดต่อไปยังทางร้านค้าที่ให้ข้อมูลไว้ในแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อสอบถามตามเบอร์โทรร้านค้าตัวแทน

จากนั้นมิจฉาชีพจึงยื่นข้อเสนอว่า “หากยังไม่ได้รับสินค้า ขอเป็นคืนเงินให้ลูกค้า” ทำให้ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแจ้งให้ดาวน์โหลดแอปมาติดตตั้ง และให้กรอกข้อมูลบัญชีธนาคาร และสแกนใบหน้า โดยใช้เวลาในการพูดคุยสนทนา 30 นาที

เมื่อผู้เสียหายทำขั้นตอนครบถ้วน ปรากฏว่า ยอดเงินในบัญชีที่ผูกกับเบอร์โทรศัพท์ ถูกดูดไป จำนวน 5 ครั้ง ครั้งละ 20,000-30,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 150,000 บาท ผู้เสียหายแน่ใจว่า ถูกมิจฉาชีพหลอก จึงเข้าแจ้งความทันที

ต่อมาจากการสืบสวนสอบสวนเบอร์หมายเลขโทรศัพท์และบัญชีธนาคาร จดทะเบียนในชื่อ นายวัฒนา ผู้ถูกจับ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า เดิมพักอาศัยอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ เมื่อกลางปี 2566 มีคู่สามีภรรยาแถวบ้านตนมาว่าจ้างให้ตนเปิดบัญชีให้ ตนจึงเปิดให้ 1 บัญชี คือ ธนาคารออมสิน ได้รับค่าจ้าง 1,000 บาท

ผู้ต้องหา ให้การต่อว่า เมื่อตนเปิดให้ได้ระยะหนึ่งมาทราบภายหลังว่า คนในชุมชนถูกออกหมายเรียกและหมายจับจากการเปิดบัญชีให้คนดังกล่าว ตนจึงกังวลว่าอาจตกเป็นผู้ต้องหาได้ในอนาคต จึงปิดบัญชีทันที ภายหลังที่เปิดได้ไม่นาน

ผู้ต้องหา ให้การอีกว่า คู่สามีภรรยาดังกล่าว ถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย และเนื่องจากเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความรัก เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการนัดเดทกับสาวเมืองกรุง จึงออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อมาตามนัด

ผู้ต้องหา ให้การว่า ตนมาไกลมากจาก จ.สระแก้ว ติดชายแดนปอยเปต หวังมาพบสาวกรุงเทพฯ ที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่ง ยังไม่ทันมีความสุขก็มาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน

ผู้ต้องหา ยังยอมรับสารภาพว่า ตนรับจ้างเปิดบัญชีจริง แต่ไม่ทราบว่าผลตามมาจะหนักขนาดนี้ และยังฝากเตือนประชาชนที่กำลังตกเป็นผู้ต้องหา หรือกำลังจะรับจ้างเปิดบัญชีว่า “อย่าเห็นแก่เงินไม่กี่บาท แต่ต้องแลกกับการถูกดำเนินคดีอาญา”นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอ่างทอง ดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน