พริตตี้สาว ป่วยไม่ทราบสาเหตุ ผอมโซเหลือแต่กระดูก ขาซ้ายชา-ลีบเดินไม่ได้ ไร้เงินรักษา ต้องกินอาหารขึ้นรา ทุกข์ทรมานลำพัง สุดสลด พ่อ แม่ ปู่เสียชีวิตหมดแล้ว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 29 ก.พ.2567 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ลงพื้นที่ซอยเอกชัย 33 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ไปเยี่ยม น.ส.อัง (นามสมมติ) อายุ 31 ปี อดีตพริตตี้ ที่ป่วยไม่ทราบสาเหตุ จากที่เคยน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ในระยะเวลาไม่นานน้ำหนักลดลงไปถึง 10 กิโลกรัม

ตอนนี้น้ำหนักเหลือเพียง 35 กิโลกรัม ส่วนสูงประมาณ 165 เซนติเมตร ไม่มีเรี่ยวแรง เบื่ออาหาร ขาช้ายมีอาการชาและลีบเดินไม่ได้ ต้องใช้ไม้เท้าสามขาช่วยพยุงเวลาเดิน กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ต้องใส่แพมเพอร์สตลอดเวลา

พริตตี้สาว ป่วยไม่ทราบสาเหตุ ผอมโซเหลือแต่กระดูก ขาซ้ายชา-ลีบเดินไม่ได้ ไร้เงินรักษา ต้องกินอาหารขึ้นรา

พริตตี้สาว ป่วยไม่ทราบสาเหตุ ผอมโซเหลือแต่กระดูก ขาซ้ายชา-ลีบเดินไม่ได้ ไร้เงินรักษา ต้องกินอาหารขึ้นรา

โคยน.ส.อังอาศัยอยู่เพียงลำพัง เพราะพ่อแม่และปู่เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง ทุกวันนี้ น.ส.อังต้องทุกข์ทรมาน ไม่มีเงินที่จะซื้ออาหารกิน บางครั้งต้องกินอาหารที่เหลือเก็บไว้นานมากจนขึ้นราอยู่ในตู้เย็น และไม่มีคนดูแล อยู่ในบ้านที่สภาพข้าวของรถกระจัดกระจายเต็มพื้นที่ นาน ๆ ครั้งจะมีเพื่อนซื้อของกินของใช้มาให้บ้าง

ซึ่งระหว่างที่นางปวีณาพูดคุยสอบถามอาการและความเป็นอยู่ น.ส.อังมีอาการเหนื่อยหอบอย่างเห็นได้ชัด นางปวีณาจึงได้ช่วยเหลือพาน.ส.อังส่งไปทำการตรวจร่างกายหาสาเหตุของอาการป่วยและรักษาที่โรงพยาบาลยันฮี โดยประสาน นพ.สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโรงพยาบาลยันฮี ยินดีจะให้การช่วยเหลือน.ส.อังโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

นางปวีณา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น.ส.อังได้ติดต่อขอความช่วยเหลือมายังมูลนิธิปวีณาฯ แจ้งถึงอาการป่วย ไม่มีคนคูแล ไม่มีจะกิน ต้องเก็บอาหารเก่าที่เก็บไว้จนขึ้นราในตู้เย็นมากิน อยากให้ช่วยเหลือเรื่องอาการป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุและรักษาให้หายเพื่อจะได้กลับไปทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเอง

นางปวีณา กล่าวต่อว่า แต่น.ส.อังยังให้รายละเอียดไม่ได้มาก เพราะเวลาพูดนาน ๆ จะมีอาการเหนื่อยหอบ จึงได้ส่ง นายเอกภาพ หงสกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิปวีณาฯ ลงพื้นที่ไปเยี่ยมน.ส.อังที่บ้าน

ด้าน น.ส.อัง กล่าวว่า อยู่ตัวคนเดียวมาประมาณ 2 ปีแล้ว เพราะพ่อแม่และปู่ที่เคยอยู่ด้วยกันเสียชีวิตไปหมดแล้ว เนื่องจากป่วยเป็นโรคมะเร็งทั้ง 3 คน โดยปู่เป็นมะเร็งที่สมอง พ่อเป็นมะเร็งที่ตับ และแม่เป็นมะเร็งที่ปากมดลูก ทำให้ตนอยู่คนเดียวมา 2 ปีแล้ว

น.ส.อัง กล่าวต่อว่า ตนเรียนจบระดับปริญญาตรี สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ หลังจากเรียนจบก็ไปทำงานเป็นพริตตี้สถานบันเทิงย่านทองหล่อ เพราะรายได้ดีเดือนละ 50,000-60,000 บาท เอาไปรักษาพ่อแม่และปู่ แต่ทั้ง 3 คนก็มาจากไป

น.ส.อัง กล่าวอีกว่า ต่อมาช่วงโควิด19 สถานบันเทิงปิดทำให้ไม่มีรายได้ เงินที่มีเก็บไว้ก็ร่อยหรอ พอสถานบันเทิงได้รับอนุญาตให้เปิดบริการได้ตนกลับไปทำงานแต่รายได้ก็น้อยลง และประกอบกับตนอายุมากขึ้นงานก็น้อยลง

น.ส.อัง กล่าวด้วยว่า จากนั้นช่วงปี 66 ตนเกิดปัญหาเจ็บป่วยเริ่มจากปวดท้องหนักมาก ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลบอกว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี และได้ทำการผ่าตัดรักษา หลังอาการดีขึ้นแล้ว ไม่นานตนก็มีปัญหาน้ำหนักลดลง ไม่มีเรี่ยวแรง ไปพบแพทย์ แต่ก็ยังไม่ทราบสาเหตุของอาการป่วย

น.ส.อัง กล่าวว่า ทุกวันนี้ได้แต่กินยาที่แพทย์ให้มา เป็นยารักษาอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ กับยาฆ่าเชื้อแก้อักเสบ อยากให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือในการรักษาเพื่อจะได้กลับไปมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่น ๆ และจะได้หางานทำเพื่อเลี้ยงตัวเอง

ต่อมาเวลา 13.00 น. นางปวีณาได้พาน.ส.อังมาส่งถึงโรงพยาบาลยันฮี พบกับ นพ.สุพจน์, ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด/กรรมการบริษัท และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากนั้นได้ทำการตรวจร่างกายน.ส.อัง

เบื้องต้นพบว่า น่าเป็นห่วงมาก แพทย์จึงได้รับตัวน.ส.อังเข้าแอดมิตที่โรงพยาบาลทันที เพื่อจะต้องตรวจร่างกายอย่างละเอียดหาสาเหตุการเจ็บป่วยและทำการรักษาต่อไป ซึ่งมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามด้านการรักษาและการช่วยเหลือร่วมกับโรงพยาบาลยันฮี เพื่อให้น.ส.อังได้กลับมาเดินได้และใช้ชีวิตได้อย่างปกติต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน