ครูช็อก เจอจดหมายถูกทิ้งถังขยะหลังห้องเรียน สุดหดหู่ นักเรียนหญิง วัย 12 ปี ถูกพ่อแท้ๆ-พี่ชาย อนาจาร นาน 3 ปี เจ็บช้ำข้อความในกระดาษ ตร.ตามรวบได้ 1 ราย

วันที่ 12 มี.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และ พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร่วมกับเจ้าหน้าที่สืบนครบาล จับกุมตัว นายปฏิภาณ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 885/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค.67 ข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล

ครูช็อก เจอจดหมายถูกทิ้งถังขยะหลังห้องเรียน สุดหดหู่ นักเรียนหญิง วัย 12 ปี ถูกพ่อแท้ๆ-พี่ชาย อนาจาร นาน 3 ปี

ครูช็อก เจอจดหมายถูกทิ้งถังขยะหลังห้องเรียน สุดหดหู่ นักเรียนหญิง วัย 12 ปี ถูกพ่อแท้ๆ-พี่ชาย อนาจาร นาน 3 ปี

ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด” โดยจับกุมได้บริเวณหน้าร้านแห่งหนึ่งแขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากผู้เสียหายอายุ 12 ปี ได้เขียนจดหมายน้อยในถังขยะหลังห้องเรียน มีข้อความถึงพ่อและพี่ชายต่างแม่ว่า “หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพี่” หลังครูประจำชั้นพบความผิดปกติ ผู้เสียหายยอมบอกเล่าเรื่องราวกับครูประจำชั้นว่า ถูกพ่อและพี่ชายต่างแม่ ลวนลามอนาจารทุกอย่างเป็นเวลา 4 ปี ตั้งแต่ผู้เสียหายอายุ 8 ขวบ จนถึงปัจจุบัน

กรณีดังกล่าวทราบเรื่องมาถึง พล.ต.ท.ธิติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ส่งชุดสืบสวนติดตามจับกุมตัว จนล่าสุดตามรวบพี่ชาย ประกาศพลิกแผ่นดินล่าพ่อที่กำลังหลบหนีเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษ








Advertisement

ทั้งนี้ เมื่อครูที่ได้ฟังคำบอกเล่าจาก ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี จึงพา ด.ญ.เอ ไปขอความช่วยเหลือมูลนิธิปวีณาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนนำมาสู่การแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง

หลังสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานก็ขออนุมัติศาลออกหมายจับทั้ง 2 คน คือ นายพรชัย (ขอสงวนนามสกุล) พ่อแท้ๆ และ นายปฏิภาณ พี่ชาย ซึ่งหลังเจ้าตัวทราบว่า ถูกดำเนินคดีก็หลบหนีออกจากกรุงเทพฯ แต่ก็ยังพยายามหาช่องทางที่จะคุกคามเหยื่อ โดยพบว่า มีบางครั้งปลอมตัวเป็นทนายความบุกไปที่โรงเรียนของ ด.ญ.เอ อีกด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่ล่าติดตามจับกุมตัวทันที โดยสืบทราบว่า นายพรชัย และ นายปฏิภาณ ได้หลบหนีไปอยู่ละแวกภาคเหนือตามภูมิลำเนาเดิม (ชนเผ่าม้ง) ชุดสืบสวนจึงวางกำลังสะกดรอยติดตามกว่า 1 สัปดาห์

ล่าสุดได้เบาะแสว่า นายปฏิภาณ กลับเข้ากรุงเทพฯ ขับรถลงจากเมืองเหนือ มุ่งหน้ากลับบ้านพักซึ่งเปิดเป็นร้านขายทุกอย่าง 20 บาท ที่ย่านประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ ชุดจับกุมจึงวางกำลังซุ่มจนได้จังหวะยืนยันตัวคนร้ายกำลังจะหลบหนีออกทางด้านหลังร้าน พล.ต.ต.ธีรเดชจึงนำกำลังบุกเข้าไปจับกุมตัวได้ในที่สุด

ส่วนนายพรชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 886/2567 ลงวันที่ 1 มี.ค. 67 ข้อหา “กระทำอนาจาร แก่เด็กอายุไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และเป็นการกระทำแก่บุพการี ผู้สืบสันดาน พี่น้องร่วมบิดามารดาหรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ญาติสืบสายโลหิต ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ ผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์หรือความอนุบาล หรือผู้อยู่ภายใต้อำนาจด้วยประการอื่นใด”

จากการตรวจสอบพบประวัติของ นายพรชัย เคยถูกดำเนินคดี 2 คดี ปี 2563 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด” สภ.เทิง อ.เทิง จ.เชียงราย (ขบวนการค้ายาเสพติดของชาวเขากลุ่มม้ง ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจยึดยาเสพติดได้กว่า 6 ล้านเม็ด

และปี 2564 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย” ที่สภ.สบปราบ อ.สบปราบ จ.ลำปาง ซึ่งทราบข้อมูลว่าหลบหนีอยู่พื้นที่ภาคเหนือ อยู่ระหว่างทำการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดี

จากการสอบสวนชั้นจับกุม นายปฏิภาณ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า ยอมรับว่าเป็นพี่ชายต่างมารดาจริง และอาศัยอยู่บ้านเดียวกัน เติบโตด้วยกันมาตลอดตั้งแต่เด็ก เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่น้องสาวของตนมโนไปเอง สร้างเรื่องให้ตนกับพ่อถูกดำเนินคดี หลังจับกุมตัว ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน