เศรษฐา บุก บช.สอท. ขีดเส้นตาย 30 วัน ต้องจับตัวการใหญ่ อาชญากรรมไซเบอร์ให้ได้ ชี้เป็นภัยความมั่นคง บอกไม่ต้องกลัวนักการเมือง ไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 1 เม.ย.2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้กับข้าราชการตำรวจและเจ้าหน้าที่บช.สอท. โดยมีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. รักษาราชการแทนผบ.ตร. และพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ต้อนรับ
นายกฯ กล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า ตนคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องมาที่นี่ คงไม่ต้องอารัมภบทอะไรมาก บช.สอท. ถูกสังคมเพ่งเล็งเยอะมาก เชื่อว่าทุกคนรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องจัดการให้หมดสิ้นไป หากอ่านหนังสือพิมพ์ฟังข่าวสารมาบอกว่าท่านผู้บัญชาการคนนั้นเป็นเด็กคนนั้นคนนี้ ตนว่ามันไม่แฟร์สำหรับทั้ง 2 คน
แต่ตนว่าไม่มีอะไรตอบสังคมได้ดีกว่าการปฏิบัติของพวกท่านทุกคน และหน่วยงานต่างๆ ตนคิดว่าถึงเวลาที่ต้องพิสูจน์ว่าจริงๆแล้ว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่รักษาการ แต่คือประชาชน โดยงานที่ดูแลอยู่ ไม่ว่าหวยออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เว็บพนัน และเฟกนิวส์ เชื่อว่ากระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทุกคนในที่นี้ มีความเกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบให้ประชาชนอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ได้รับความเป็นธรรม
ปัจจุบันเทคโนโลยีไปไกลมาก การที่ประชาชนถูกมอมเมา ถูกหลอกลวง ถูกต้มตุ๋น บางคนเก็บเงินมาทั้งชีวิตถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกไปหมด บางคนเก็บเงินไว้รักษาพ่อแม่และเก็บเงินไว้ส่งลูกเรียนต่อหรือ ส่งลูกเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก นี่ไม่ใช่เป็นปัญหาที่เขาถูกหลอกลวง แต่เป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศด้วย
นายกฯ กล่าวต่อว่า ตนมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อสร้างภาพ แต่มาเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะในเวลาอันใกล้ เราไม่มีเวลาแล้ว เรื่องการโยกย้ายต่างๆ ผ่านไปแล้ว เรื่องกระบวนการยุติธรรม เราได้ทำไปแล้ว ผู้สื่อข่าวถามตลอดเวลา ได้ทำอะไรต่อหรือเปล่า มีการปฏิรูป พัฒนาอย่างไรต่อไป ตนคิดว่าเป็นเรื่องวาทกรรม วันนี้ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมดีกว่า
อย่าได้สนใจใครจะเป็นใครอะไรยังไง เชื่อว่าไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน ตนต้องการทำงานโดยเร็ว และไม่ใช่รายเล็ก ตนต้องการรายใหญ่ เชื่อว่าทุกท่านรู้อยู่แล้ว ในหน่วยงานของท่านใครที่ทำผิดกฎหมายอยู่บ้าง ใครที่ไปตามจับสืบมาได้
ส่วนเรื่องคดีความของทั้ง 2 ท่านที่ถูกย้าย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมเดิมไปตามหน้าที่ เราต้องให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ท่าน ต่อไปเราต้องเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เช่นนั้นจะตอบสังคมไม่ได้ เพราะเรายังตอบไม่ได้
วันนี้ที่มาที่นี่ ถือเป็นนิมิตรใหม่อันดี ไม่ได้มาว่า แต่มาให้กำลังใจ และบอกว่าไม่มีใครใหญ่กว่าประชาชน เราเองต้องเดินหน้า ไม่มีเวลาที่จะหาเหตุผลว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เชื่อว่าเราอยู่ในบริบท ที่จะมาอธิบายว่าการทำไม่ได้ มันไม่ใช่ มันต้องทำให้ได้ด้วยเหตุผล จับรายใหญ่ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะตอบสังคมลำบาก เพราะเป็นปัญหาความมั่นคงของประเทศ
“หน่วยงานของท่าน สังคมเพ่งเล็ง ผมยืนยันไม่ปกป้อง จะไม่นิ่งเฉย หากไม่มีผลงานเกิดขึ้น ผมว่ามีปัญหาแน่นอน เราอยู่พวกเดียวกัน ฝ่ายเดียวกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงนักการเมืองหรืออะไรก็ตาม จะมาครอบงำ วันนี้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ผลงานของเราจะเป็นที่ประจักษ์ ภายใน 30 วันนี้ ชัดเจนว่าจะจับอะไรให้ได้ ไม่ว่าหวยออนไลน์ หรืออะไรที่เกิดขึ้น ซึ่งพี่น้องถูกหลอกลวงทุกวันนี้ยังมีอยู่ ขอเลยเรื่องนี้จะต้องทำงานกันอย่างชัดเจนและใกล้ชิด เพราะเทคโนโลยีไปไกลมาก”
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) พร้อมทำงานร่วมกัน ตนเจอรัฐมนตรีดีอีในวันที่ 2 เม.ย.นี้ จะกำชับอย่างเด็ดขาดว่าต้องทำงานร่วมกัน อย่าโยนความผิดกัน อย่าบอกว่าคนนี้ไม่ให้ความร่วมมือ ไม่มี ผมเชื่อว่ามานั่งตรงนี้แล้วรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ พวกท่านก็ต้องให้ความสำคัญ ผมใช้เวลา 5 นาทีที่พูดไป อยากให้ทุกคนตระหนักดีว่าประชาชนเดือดร้อน เหตุผลที่เรามาทำงานตรงนี้ เพื่อให้ความดูแลประชาชน ไม่ใช่ให้คนผิดลอยอยู่ได้ และยังทำทุกอย่างผิดๆอยู่
“คิดว่าถึงเวลาแล้ว อยากได้เหตุผลว่าทำไมถึงจับไม่ได้ มันต้องจับให้ได้เพื่อประชาชนจะได้อยู่อย่างมีความสุข อย่าให้ถูกซ้ำเติมตรงนี้ โดยเฉพาะการถูกหลอกลวง เงินหมดไปก็เป็นส่วนหนึ่งของอาชญากร ตรงนี้ถือเป็นสารตั้งต้น ต้องขจัดปัญหานี้ออกไปให้หมดจากสังคมไทย ผมยืนยันเรื่องนี้เป็นเรื่องซีเรียสยืนยัน 30 วันต้องชัดเจน” นายกฯ กล่าว
นายกฯกล่าวว่า ส่วนกระบวนการยุติธรรม ที่ให้ความเป็นธรรมกับผู้บัญชาการ 2 ท่านที่ถูกย้ายก็ให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไป ให้ความร่วมมืออย่างถูกต้อง อย่าให้กล่าวโทษกล่าวหาได้ว่าเป็นเด็กของใคร เป็นคนของใครอะไรอย่างไรวันนี้เราเริ่มต้นกันใหม่แล้ว มันต้องช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน ให้สมกับที่พี่น้องประชาชนมีความคาดหวัง
