แจงแล้ว คดีสาว-ลูก8เดือน ถูกเมียเก่าผัวบุก ราดน้ำกรด เผยสาเหตุตำรวจไทยเอาผิดไม่ได้ หลัง กัน จอมพลัง เตรียมพาทั้งคู่พบ รมว.ต่างประเทศ
จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้พา นางเก (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติเมียนมา และลูกวัย 8 เดือน ที่ถูกเมียเก่าของสามีบุกราดน้ำกรดจนทำให้แม่หูหลุดและผิวหน้าเหลวผิดรูป แขนใช้ได้ข้างเดียว และลูกน้อยวัย 8 เดือน ตาบอด 2 ข้าง ใบหน้าเละผิดรูป ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 29 เม.ย.2567 พล.ต.ต.นครินทร์ สุคนธวิท ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ สภ.สังขละบุรี รายงานข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว จนทราบว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2566 เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่ นางเกตี อยู่ที่บ้านเช่าไม่ทราบเลขที่ ซ.3 เมืองพญาตองชู ประเทศเมียนมา และกำลังอาบน้ำให้ลูกสาวอยู่
ได้มี น.ส.ชอน สัญชาติเมียนมา มาหาที่บ้าน และได้ใช้น้ำกรดบรรจุในขวดพลาสติกสีเหลือง 1 ขวด สาดใส่นางเกตีได้รับบาดเจ็บที่ บริเวณศีรษะ ใบหน้าด้านขวา ใบหู คอ และร่างกายทั้งตัว และ ลูกสาวได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า, ร่างกายทั้งตัว และตาบอดทั้งสองข้าง
โดยมีคนเรียกรถพยาบาลนำตัว นางเกตี และ ลูกสาวไปรักษาที่อนามัยในอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมา แล้วส่งต่อไป รพ.สต.บ้านพระเจดีย์สามองค์ และส่งต่อไป โรงพยาบาลสังขละบุรี ก่อนส่งต่อไป โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา
จากนั้น ส่งแยกกันไปรักษา โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี และ โรงพยาบาลศิริราช โดย นางเกตีใช้เวลารักษาตัวเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนลูกสาวใช้เวลารักษาตัว 5 เดือน ต่อมาวันที่ 9 มี.ค.67 นางเกตีจึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนที่ สภ.สังขละบุรี ให้ดำเนินคดีกับ น.ส.ชอน ไม่มีชื่อสกุล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
พนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี ได้ทำการสอบสวนผู้กล่าวหา พยานไว้แล้ว และได้ทำหนังสือ เสนอไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ ตช. 0022(กจ).3(14)/716 ลงวันที่ 12 มี.ค.2567 เรื่อง ขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 ว่าการกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร หรือไม่
ต่อมาตามหนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ อส 0033.1/245 ลง 5 เม.ย.2567 เรื่องคืนเรื่องการสอบสวนกรณีขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20
อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ เกิดขึ้นและสำเร็จลงในประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักรไทย โดยไม่ปรากฏว่ามีการกระทำส่วนหนึ่งส่วนใดได้กระทำในราชอาณาจักรไทย