จับแล้ว ตัวการสำคัญ รวบแก๊ง อุ้มฆ่าฝังดินสาว รับสารภาพ เผยมูลเหตุ แฉแบ่งกันทำหน้าที่ เปิดประวัติไม่ธรรมดา เชื่อรับงานจากนายทุน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 พ.ค.2567 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป. และ พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป.

ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายธนวิชญ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ซ่อนเร้นอำพรางศพ”, นายไพฑูรย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี และ น.ส.อำพิลา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ข้อหา “ร่วมกันรับของโจร”

จับแล้ว ตัวการสำคัญ รวบยกแก๊ง อุ้มฆ่าฝังดินสาว รับสารภาพ เผยมูลเหตุ แฉแบ่งกันทำหน้าที่ เปิดประวัติไม่ธรรมดา เชื่อรับงานจากนายทุน

จับแล้ว ตัวการสำคัญ รวบยกแก๊ง อุ้มฆ่าฝังดินสาว รับสารภาพ เผยมูลเหตุ แฉแบ่งกันทำหน้าที่ เปิดประวัติไม่ธรรมดา เชื่อรับงานจากนายทุน

หลังสามารถจับกุม นายธนวิชญ์ ได้ในพื้นที่ ต.กระโสม อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ขณะที่ นายไพฑูรย์ ถูกจับกุมตัวได้ที่ริมถนนสายบ้านเก่า-ห้วยน้ำขาว ม.2 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ส่วน น.ส.อำพิลา ถูกจับกุมได้ที่ริมถนนสุขภิบาลหวายเหนียวสาย 2 ม.1 ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2566 ญาติของ นางสุดารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือตำรวจ สภ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ว่า นางสุดารัตน์ ได้หายตัวไปจากบ้าน พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน ขค1797 นครศรีธรรมราช

จึงร่วมกับ กก.5 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านพัก ก่อนพบร่องรอยประตูห้องนอนถูกทำลาย เชื่อว่าการหายตัวไปน่าจะถูกประทุษร้ายต่อชีวิต จึงเร่งกระจายกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาเบาะแสเป็นการด่วน ก่อนพบเบาะแสสำคัญว่า รถยนต์ของผู้ตายได้ขับเข้ามาในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าไปทางพื้นที่ชายแดนติดประเทศเพื่อนบ้าน

จึงเร่งติดตามยึดรถกลับคืน พร้อมแกะรอยสืบสวนเรื่อยมา กระทั่งทราบว่าตัว นางสุดารัตน์ ได้ถูกฆ่าฝังศพอำพรางทิ้งไว้ที่ภูเขาหลังสำนักสงฆ์บ้านเขาล้อม อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช ไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจำนวน 9 คน

พ.ต.อ.ปทักข์ กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก คือกลุ่มลักพาตัวไปฆ่า จำนวน 4 คน กลุ่มที่สองเป็นกลุ่มนำรถผู้ตายไปขายประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวน 4 คน ส่วนอีกคนที่เหลือทำหน้าที่ฝังอำพรางศพ

ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจกองปราบได้ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 8 จับกุมตัวมาได้แล้วจำนวน 3 คนแบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่อุ้มฆ่า 2 คน และ ทำหน้าที่อำพรางศพ 1 คน จากนั้นจึงเร่งขยายผลต่อเนื่อง จนกระทั่งมาสามารถจับกุมตัว นายธนวิชญ์ ผู้ต้องหาตัวการสำคัญที่ทำหน้าที่เข้าไปอุ้มฆ่า กับ นายไพฑูรย์ และ น.ส.อำพิลา ที่ทำหน้าที่นำรถไปขายประเทศเพื่อนบ้านได้เพิ่มเติมดังกล่าว

พ.ต.อ.ปทักข์ กล่าวว่า สำหรับชนวนเหตุการอุ้มฆ่าครั้งนี้ จากแนวทางสืบสวนเชื่อว่า น่าจะเป็นการฆ่าทวงหนี้ยาเสพติดหรือธุรกิจผิดกฎหมาย เนื่องจากตัวนางสุดารัตน์ ไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับใคร ประกอบกับก่อนหน้านี้สามีของผู้ตาย ซึ่งเป็นเอเย่นต์ยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ได้ถูกตำรวจจับกุมตัวไปพร้อมกับยาเสพติดของกลางล็อตใหญ่

รวมถึงจากการตรวจสอบประวัตินายธนวิชญ์ หนึ่งในผู้ต้องหา พบว่าเคยมีประวัติรับจ้างอุ้มทวงหนี้ และก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว จึงเชื่อว่าน่าจะรับงานว่าจ้างจากนายทุนยาเสพติดให้มาก่อเหตุดังกล่าว ถึงแม้จนถึงตอนนี้ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมทั้ง 3 ราย จะยังไม่ยอมเปิดเผยมูลของเหตุการลงมือก็ตาม

สำหรับการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายนี้ เบื้องต้นให้การรับสารภาพ จึงนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.ช้างกลาง ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน