เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันที่ 6 แล้วที่มีพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชน เข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. ทุกวัน (ยกเว้นช่วงมีพระราชพิธีบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท) นั้น

นางจันทร์สมุทร หินเงิน และหลานสาว

นางจันทร์สมุทร หินเงิน และหลานสาว

โดยในเวลา 05.00 น. เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระโกศ เบื้องหน้าพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง โดยจัดแถวประชาชนผ่านมาทางประตูมณีนพรัตน์ ในพระบรมมหาราชวัง ฝั่งทิศเหนือ อันเป็นสถานที่ตั้งของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม จัดเป็น 2 แถว ผ่านทางระเบียงคด เมื่อเดินมาถึงประตูวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทางเข้าเขตพระราชฐานชั้นใน เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนอมรวิถี หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยสูรยพิมาน แล้วเลี้ยวขวาตั้งแถว 5 แถว หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เข้าสู่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทางประตูกำแพงแก้วฝั่งตะวันออก

นางกานต์พิชญา สร้อยสุวรรณ

นางกานต์พิชญา สร้อยสุวรรณ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพสกนิกรเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศ และทุกเพศทุกวัย มารอเพื่อถวายสักการะพระบรมศพ โดยพสกนิกรทั้งหลายยังคงอยู่ในความโศกเศร้าเสียใจ หลายคนกอดพระบรมฉายาลักษณ์ไว้แนบอกตลอดเวลา ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพแล้ว สำนักพระราชวังแจกภาพพระบรมโกศพระบรมศพ พิมพ์ 4 สี่ ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคน ให้แก่ผู้ที่เข้ากราบถวายสักการะพระบรมศพเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

s__14254220

เวลา 07.00 น. ม.จ.จุลเจิม ยุคล เสด็จไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งดำเนินเป็นวันที่ 21 ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย หน้าพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิอดุลยเดช ทรงกราบหน้าพระโกศพระบรมศพ หลังจากนั้นทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวารเป็นพระพุทธรูปประทับยืนแบบสมภังค์ แสดงปางห้ามญาติหรืออภัยมุทราด้วยพระหัตถ์ขวาเพียงข้างเดียว ที่หน้าพระแท่นมหาเศวตฉัตร จากนั้น ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม และวัดสุทัศนเทพวราราม ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 2 พ.ย. ก่อนเสด็จกลับ

นางจันทร์สมุทร หินเงิน อายุ 80 ปี พสกนิกรจาก จ.ศรีสะเกษ เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพพร้อมหลานสาว น.ส.ณัฎฐพร คำเสน อายุ 23 ปี เปิดเผยว่า ยายเดินทางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นมีประชาชนจำนวนมาก ทำให้เข้าไม่ถึง จึงต้องกลับบ้านด้วยความหดหู่ใจอย่างมาก และได้เตรียมตัวเพื่อมาอีกครั้งในวันนี้ โดยเดินทางมาถึงสนามหลวงตั้งแต่ตี 4 และตื้นตันใจจริงๆ ที่ได้เข้าสักการะ

นางจันทร์สมุทร กล่าวหลังเข้าสักการะพระบรมศพว่า ปลื้มใจนะ และรู้สึกสบายใจ แม้ว่ายายยังไม่เคยได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์ แต่รับรู้ว่าพระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยไม่ทอดทิ้งจนกระทั่งสิ้นพระชนม์ชีพ พระองค์อยู่หรือไม่อยู่ อย่างไรยายก็เทิดทูนอยู่แล้ว ยายเล่าให้ลูกกับหลานฟังเสมอว่า ยายเองก็เกิดในร.9 เกิดมา จำความได้เห็นพระองค์ท่านทรงงาน ให้ลูกหลานเป็นคนดี ทำเพื่อบ้านเมือง

ด้าน นางกานต์พิชญา สร้อยสุวรรณ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ วัย 54 ปี ออกเดินทางพร้อมชาวเกาะช้างหลายร้อยชีวิต จากที่ว่าการอำเภอเกาะช้าง จ.ตราด ตั้งแต่ 4 ทุ่ม ถึงกรุงเทพฯ ตอนตี 5 ก่อนจะเข้าแถวรอและได้เข้ากราบสักการะพระบรมศพเมื่อเวลา 10 โมงเช้า เปิดเผยว่า ไม่รีรอเมื่อทางการประกาศให้เข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาร่วมแสดงความอาลัย ในหลวงร.9 เพราะรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณทรงทำงานเพื่อพวกเรามามาก ตนเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลสุขภาพชุมชนบ้านเจ็กแบ๊ ตำบลเกาะช้างใต้ ท่านสอนว่าข้าราชการเป็นข้าของประชาชน เป็นข้ารับใช้แผ่นดิน ต้องทำงานให้สมกับได้อาสามา ส่วนตัวก็พยายามทำหน้าที่ให้สุดความสามารถ แต่ก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเมื่อเทียบกับพระองค์

“ตั้งแต่เกิดก็เห็นท่านทุ่มเททำงานทุกลมหายใจเพื่อประชาชน อย่างที่ท่านเคยบอกว่าจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของคนไทย ท่านห่วงเรื่องตัวเองน้อยมาก ทรงเป็นลูกที่ดีของแม่ เป็นพ่อที่ดีของลูก เป็นคู่ครองที่ดี เป็นกษัตริย์ที่ประเสริฐที่สุดของประชาชน ที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านทำทุกอย่างเกินร้อยจริงๆ ตอนกราบพระบรมศพน้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่ไม่รู้ตัว โดยได้อธิษฐานให้พระองค์ท่านพักผ่อนอยู่บนสวรรค์ให้สบาย ไม่ต้องห่วงประชาชน พวกเราจะเดินตามรอยที่พระองค์สอน จะรักสามัคคีกัน นำคำสอนเรื่องความพอเพียงไปใช้ รวมถึงการรักษ์สิ่งแวดล้อมเพราะในหลวงทรงห่วงเรื่องนี้ไม่น้อย” นางกานต์พิชญา กล่าวทั้งน้ำตา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน