เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายก่อเหตุวางระเบิด เผาทำลายทรัพย์สินราชการในพื้นที่ จ.ปัตตานี หลายจุด เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ถึงแม้จะมีการตั้งครม.ส่วนหน้า ในการลงไปร่วมแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ต้องยอมรับว่ารัฐยังแก้ไขปัญหาไม่ถูกจุด ซึ่งยังขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ทั้งการรับฟังข้อมูลและข้อเท็จจริงในพื้นที่ อีกทั้งยังมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ ซึ่งทางกสม.ได้รับรายงานว่ายังมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในหลายจุด

201611031212021-20150129150635

ส่วนการเปิดเวทีสันติภาพเพื่อการพูดคุยในประเทศมาเลเซีย ที่มีขึ้นในขณะนี้ ก็ยังไม่มีความชัดเจน ว่าส่วนกลุ่มผู้นำที่อ้างเป็นตัวแทนการเจรจาใช่ตัวจริงหรือไม่ และสามารถนำสารไปสื่อสารกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้จริงหรือไม่

นางอังคณา กล่าวต่อว่า สำหรับตัวแทนครม.ส่วนหน้านั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นอดีตแม่ทัพภาค, ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และอดีตผบ.ทบ. ซึ่งส่วนใหญ่เคยทราบปัญหาในพื้นที่ และเคยมีอำนาจในการทำหน้าที่แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้ว ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นมักจะเกิด ขึ้นในช่วงที่มีข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ละเมิดสิทธิประชาชนในพื้นที่ จึงทำให้มีการตอบโต้ และยังมีข้อกังวลในกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐละเมิดสิทธิแล้วไม่ต้องรับโทษ ซึ่งเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ถูกนำมาใช้เป็นเงื่อนไขในการก่อเหตุรุนแรง จึงอยากให้การใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและระมัดระวัง

กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา กสม.ถูกมองว่าไม่ยอมออกมาปกป้อง เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐถูกละเมิดจากการก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ จึงขอชี้แจงว่าทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนที่บริสุทธิ์จำนวนมาก ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายด้วย อย่างไรก็ตาม กฎหมายก็ไม่ได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐไปซ้อมทรมานหรืออุ้มฆ่า

ดังนั้น หากเกิดกรณีที่จำเป็นจะต้องใช้การวิสามัญก็ต้องระมัดระวังด้วย ว่าเป็นเหตุสุดวิสัยจำเป็นเท่านั้น อย่าทำเพราะลุแก่อำนาจ และในส่วนของกรรมการสิทธิฯ ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการทำงานทุกด้าน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน