วันที่ 12 มี.ค. นายเกรียงไกร สืบสัมพันธ์ ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 5 (ปปท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วม บก.ปปป. จับกุม ส.ต.ต.เฉลิมชัย ยอดแก้ว อายุ 27 ปี ผบ.หมู่ จร.สน.วิภาวดี ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน หลังเรียกรับเงินจาก นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดีขณะขี่รถจยย.ทำผิดกฎจราจร ซึ่งผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.สุทธิสาร

จากการสอบสวนทราบว่าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา นายเอ ได้ขี่รถจยย.ฮอนด้า มาบริเวณห้าแยกลาดพร้าว แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กทม. พบ ส.ต.ต.เฉลิมชัย แต่งเครื่องแบบตำรวจครึ่งท่อน ตั้งด่านในบริเวณดังกล่าวแล้วเรียก นายเอ ตรวจรถจยย. พบว่าขาดต่อภาษีประจำปี และไม่มี พรบ. รวมถึงไม่สวมหมวกกันน็อค จึงได้เรียกเงินเพื่อแลกกับการที่ไม่ถูกดำเนินคดี แต่นายเอ แจ้งว่ายังไม่มีเงิน ส.ต.ต.เฉลิมชัย จึงได้ยึดรถคันดังกล่าวไว้

หลังจากนั้นจึงได้นำเรื่องดังกล่าวร้องเรียนต่อ ปปท.เจ้าหน้าที่ จึงได้ร่วมวางแผนร่วมจับกุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป. นำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 10 ฉบับ รวมเป็นเงิน 10,000 บาท มอบให้นายเอ นำไปให้ ส.ต.ต.เฉลิมชัย ที่บริเวณป้อมตำรวจวิภาวดีแยกสุทธิสาร จากนั้น ส.ต.ต.เฉลิมชัย ได้มารับเงินจำนวนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนคุมตัวมาที่ สน.สุทธิสาร

นายเกรียงไกร กล่าวว่า ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ ทั้งนี้ สน.สุทธิสาร จะแจ้งข้อหาและใช้เวลา 30 วัน เพื่อสรุปสำนวนคดีนี้พร้อมขยายผลว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีกหรือไม่ จากนั้นจะส่งให้ทาง ปปท. สรุปผลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในวันเกิดเหตุมีผู้อ้างตัวเป็นตำรวจเกี่ยวข้อง 2 นาย แต่วันนี้ผู้ถูกกล่าวหาเดินทางมารับเงินเพียงคนเดียว เชื่อว่าจำนวนเงินที่ตกลงกันนั้น มีการเจรจากันหลายรอบ จากเดิมที่ 20,000 บาท ลดตัวเลขลงมาเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ 10,000 บาท ซึ่งจะได้ขยายผลจับกุมผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ ต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.พันษา อมราพิทักษ์ รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ กล่าวว่า ตอนนี้ต้องรอผลสรุปข้อเท็จจริงจากทางพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสาร ก่อน หากพบว่ามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง ก็จะดำเนินในทางวินัยและอาญาอยู่แล้ว ซึ่งโทษทางวินัยนั้นจะเสนอให้มีการไล่ออก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน