พิสูจน์พบแล้ว ถ้ำน้ำลอดใต้ดิน ที่สถานปฏิบัติธรรมถ้ำผาวังพญานาคราช อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีความยาวกว่า 500 เมตร ผู้สื่อข่าวได้ลงไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง พบเป็นแก่งที่กว้างมีน้ำตกสวยงาม ชาวบ้านในพื้นที่ยอมรับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ทางวัดและชุมชน เตรียมพัฒนาเปิดให้เที่ยวชมความงาม เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 พ.ย. ผู้สื่อข่าว ได้รับแจ้งจากหลวงปู่เพิ่มพันธ์ อานันโท เจ้าอาวาสสถานปฏิบัติธรรมถ้ำผาวังพญานาคราช ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ว่า พบถ้ำน้ำลอดใต้ดิน ในลำห้วยหมาก ใกล้กับสถานปฏิบัติธรรมถ้ำผาวังพญานาคราช จึงได้เดินทางไปตรวจสอบและพิสูจน์ว่าถ้ำดังกล่าวมีจริงหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงปู่เพิ่มพันธ์เคยกล่าวว่าในลำห้วยแห่งนี้มีถ้ำลอดใต้น้ำความยาวกว่า 500 เมตร แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้เนื่องจากปริมาณน้ำในลำห้วยมีปริมาณมาก จึงท่วมปากถ้ำทั้งหมด ซึ่งตอนนี้น้ำมีปริมาณลดลง จึงทำให้ปากถ้ำเปิดออก
นายไพฑูรย์ สมพล อายุ 38 ปี นายมงคล สมพล อายุ 27 ปี และ นายวินัส สมพล อายุ 27 ปี ชาวบ้านชุมชนบ้านห้วยหมาก ม.2 ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่มานาน อาสาพาผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าไปดู ซึ่งเดินทางด้วยทางเท้าเข้าไปในป่า ลัดเลาะลงไปตามลำห้วย ห่างจากสถานปฏิบัติธรรมไปประมาณ 1 กิโลเมตร ได้พบกับความสวยงามตื่นตาอย่างมาก เนื่องจากจุดที่มีถ้ำอยู่นั้น เป็นแก่งหินขนาดใหญ่และกว้างทอดยาวไปตามลำธาร ซึ่งเรียกว่าแก่งวังผา และมีน้ำตกความสูง 3 เมตร จุดที่น้ำตกลงไปนั้น สายน้ำจะมุดลงไปในถ้ำลึกลงไปใต้พื้นดิน ซึ่งมีโขดหินใหญ่น้อยทับไว้
น้ำจะไหลลอดลงไปในถ้ำยาวลงไปโผล่อีกจุดหนึ่งยาวประมาณ 500 เมตร ซึ่งจุดที่เป็นปากถ้ำจะอยู่ติดกับโคนต้นไทรขนาดใหญ่ ปากถ้ำมีความกว้างประมาณ 1 เมตร สูง 1 เมตร ซึ่งการเข้าไปจะต้องคลานเข้า และต้องใช้ไฟฉายให้แสงสว่าง เนื่องจากภายในถ้ำไม่มีแสงสว่าง เมื่อเข้าไปจะมีน้ำไหล ความลึกตั้งแต่ 50 เซ็นติเมตร ถึง 2 เมตร ต้องอาศัยการเกาะตามโขดหินเข้าไปบางจุดน้ำลึก ต้องระมัดระวังอย่างมาก เส้นทางภายในถ้ำมีความแคบบางจุดต้องดำน้ำเข้า เนื่องจากปริมาณน้ำภายในถ้ำยังสูง ทอดยาวไปมา มีทางแยกอีกหลายเส้น ซึ่งหากมีปริมาณน้ำลดลง จะสามารถลอดเข้าไปโผล่อีกจุดที่มีน้ำตกยาวกว่า 500 เมตร แต่เนื่องจากขณะนี้น้ำยังสูง จึงสามารถเดินทางเข้าไปได้แค่ประมาณ 30 เมตร ทั้งนี้เส้นทางที่ผู้สื่อข่าวเข้าไปพิสูจน์นั้น จะโผล่ไปออกอีกจุด ซึ่งช่วงที่เป็นทางออก จะเป็นถ้ำค้างคาว มีค้างคาวหลายร้อยตัวอาศัยอยู่ ทำให้ได้บรรยากาศธรรมชาติอย่างมาก
นอกจากถ้ำที่ผู้สื่อข่าวลงไปนั้น ยังมีอีกถ้ำที่อยู่ใกล้เคียงกัน มีขนาดใหญ่กว่า แต่ยังไม่สามารถลงไปได้ เนื่องจากยังมีน้ำไหลท่วมอยู่ และบริเวณโดยรอบ เป็นแก่งหินกว้าง เหมาะแก่การไปท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และพักผ่อนอย่างมาก ซึ่งจุดน้ำมีความสวยงามและแก่งขนาดใหญ่
นายไพฑูรย์ เล่าว่า ป่าและลำธารแห่งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่เชื่อกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากถ้ำที่เชื่อกันว่าเป็นที่อาศัยของพญานาคที่อยู่ติดวัดนั้น ช่วยปกปักรักษา ซึ่งหลายครั้งที่ชาวบ้านที่เข้ามาแล้วลบหลู่ ส่วนใหญ่จะมีการเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องกลับมาขอขมาเจ้าที่เจ้าทาง จึงจะหาย
ส่วนนายมงคล ผู้ที่เคยประสบกับตนเอง เล่าว่า เมื่อหลายปีก่อนตนเคยเข้ามาเลี้ยงวัว และได้ส่งเสียงดัง ลบหลู่สถานที่ ปรากฏว่าขาของตนไปติดอยู่ที่โขดหินนานหลายชั่วโมง ไม่สามารถเอาออกได้ จนต้องจุดธูปขอขมาจึงหลุดได้ หลังจากนั้นมีความศรัทธาอย่างมากว่า สถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์จริงตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งถ้ำที่ลงไปนี้ เรียกว่า ถ้ำลอดใต้ ส่วน ถ้ำลอดเหนือ ซึ่งอยู่ติดกับวัดเลย จะไม่มีใครกล้าที่จะลงไปพิสูจน์ เนื่องจากเชื่อว่า เป็นจุดที่พญานาคอาศัยอยู่
หลวงปู่เพิ่มพันธ์ กล่าวว่า อาตมาได้ปฏิบัติธรรมในสถานที่แห่งนี้มานานกว่า 9 ปี ตอนนี้เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ พร้อมที่จะเปิดให้ชาวบ้านทั่วไปได้เข้ามาชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติแล้ว อาตมาและชาวบ้านเตรียมที่จะหารือ เพื่อเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแห่งใหม่ ซึ่งนอกจากชาวบ้านจะได้มาปฏิบัติธรรม ทำบุญ ยังจะได้พาครอบครัวเข้ามาพักผ่อน และเป็นการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคืนกลับคนในชุมชน ซึ่งถ้ำลอด น้ำตก และแก่งวังผานี้ อาตมาจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยจะไม่เบียดบังธรรมชาติที่มีความสมบูรณ์ สวยงามที่มีอยู่แล้ว ซึ่งนอกจากจะได้หารือชาวบ้านและยังเตรียมขอให้หน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวอีกช่องทางหนึ่ง ก่อนที่จะมีการเปิดให้ชาวบ้านทั่วไปได้เข้ามาเที่ยวได้ในอนาคต